นายทองเปลว กองจันทร์ รองอธิบดีกรมชลประทาน ได้ชี้แจงกรณีที่เกิดขึ้นว่า อ่างเก็บน้ำห้วยท่าแพ ต.บ้านแก่ง อ.ศรีสัชนาลัย จ.สุโขทัย เป็นอ่างเก็บน้ำขนาดกลาง ความจุที่ระดับเก็บกัก 58 ล้านลูกบาศก์เมตร ฝนที่ตกหนักบริเวณทางตอนบนของอ่างเก็บน้ำ ทำให้มีน้ำไหลลงอ่างฯจนเต็มความจุ มีน้ำไหลล้นทางระบายน้ำล้น (Spill Way) ตลอดในช่วงฤดูฝนที่ผ่านมา ในขณะที่ยังอยู่ในช่วงงานก่อสร้างเพื่อเพิ่มความจุอ่างฯ เป็น 70 ล้านลูกบาศก์เมตร ผู้รับเหมาได้ทำคันดินเพื่อปิดกั้นพื้นที่ก่อสร้างประมาณครึ่งหนึ่งของทางระบายน้ำล้น โดยให้น้ำสามารถระบายได้ส่วนที่เหลืออีกครึ่งหนึ่ง แต่เนื่องจากปริมาณน้ำเมื่อวันที่ 18 ต.ค. 60 มีมากถึง 100 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที ทำให้เกิดการกัดเซาะคันดินพังเสียหาย
ส่งผลให้มีน้ำไหลผ่านทางระบายน้ำล้นมากขึ้น ซึ่งปริมาณน้ำดังกล่าวได้ไหลลงสู่ลำห้วยท่าแพ มีน้ำเอ่อล้นตลิ่งในช่วงที่แคบเข้าท่วมบ้านเรือนและพื้นที่การเกษตร บริเวณต.สารจิตร และต.บ้านแก่ง อ.ศรีสัชนาลัย ปัจจุบันระดับน้ำได้ลดลงอย่างต่อเนื่องแล้ว คาดว่าสถานการณ์จะเข้าสู่ภาวะปกติภายใน 2 3 วันนี้ ภายหลังจากเกิดเหตุการณ์ เจ้าหน้าที่จากโครงการชลประทานสุโขทัย ได้ลงพื้นที่ไปช่วยเหลือพร้อมกับนำน้ำดื่มไปแจกจ่ายให้กับประชาชน เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนต่อไปแล้ว
ทั้งนี้ ปริมาณน้ำจากลำห้วยท่าแพจะไหลลงสู่คลองชักน้ำแม่น้ำยมฝั่งขวา ก่อนจะไหลไปรวมกับลำน้ำแม่มอกและไหลลงสู่คลองทางไม้ที่ไหลผ่านบริเวณโรงพยาบาลสุโขทัยตามลำดับ ซึ่งปริมาณน้ำนี้จะไม่ส่งผลกระทบให้เกิดน้ำเอ่อล้นตลิ่งเข้าท่วมบริเวณโรงพยาบาล เนื่องจากโครงการชลประทานสุโขทัย ได้รักษาระดับน้ำในคลองทางไม้ให้อยู่ต่ำกว่าระดับตลิ่งประมาณ 30 เซนติเมตร