ด่วน!รวบหนุ่มโปแลนด์ มือบึ้มตู้เอทีเอ็มแบงก์กรุงเทพ ผบ.ตร.แถลง-ทำแผนพรุ่งนี้ (27ก.ย.60)

จากกรณีคนร้ายเป็นชาย 1 ราย ก่อเหตุใช้ระเบิดซีโฟร์ลอบวางระเบิดตู้เอทีเอ็ม บริเวณหน้าประตูทางเข้าห้างสรรพสินค้าเทสโก้โลตัส สาขากรุงเทพกรีฑา แขวงสะพานสูง เขตประเวศ กทม. ก่อนฉกกล่องบรรจุเงินสดจากเซฟไป 314,100 บาท เหตุเกิดช่วงเช้ามืดวันที่ 13 กันยายน ที่ผ่านมา
ล่าสุดเมื่อวันที่ 26 กันยายน มีรายงานข่าวระบุว่า เจ้าหน้าที่ชุดสืบสวน บก.สส.บช.น. พร้อมด้วย กก.สส.บก.น.4 และ สน.ประเวศ ได้ควบคุมตัวชาย 1 ราย เป็นชายชาวโปแลนด์ ทราบชื่อ นายกราคจานพาเวล สเตนิสซิวสกี้ (MR.GRACJANPAWEL STANISZEWSKI) อายุประมาณ 37 ปี ซึ่งต้องสงสัยเป็นผู้ลงมือก่อเหตุวางระเบิดชิงเงินดังกล่าว โดยสามารถจับกุมได้ที่อพาร์ทเมนท์แห่งหนึ่งภายในซอยรามคำแหง 50 ภายหลังจากเจ้าหน้าที่แกะรอยจากกล้องวงจรปิดตามเส้นทางตั้งแต่ก่อเหตุและหลบหนีจนติดตามตัวได้ในที่สุด
รายงานข่าวจากชุดสืบสวนประกอบกับพยานหลักฐานต่างๆ ระบุอีกว่า คนร้ายที่ก่อเหตุไม่ใช่คนไทย โดยเริ่มแกะรอยจากกล้องวงจรปิด ซึ่งเช็กย้อนหลังก่อนวันเกิดเหตุไป 3 วัน พบว่า วันที่ 11 และ 12 กันยายน กล้องวงจรปิดสามารถจับภาพชายต้องสงสัยลักษณะเป็นชาวต่างชาติ ขับรถจักรยานยนต์มาดูลาดเลาป้วนเปี้ยนอยู่บริเวณที่เกิดเหตุ ก่อนลงมือก่อเหตุช่วงเช้ามืดวันที่ 13 กันยายน ซึ่งจากกล้องวงจรปิดพบว่าคนร้ายใช้แก๊สหุงต้มจากถังแก๊สร้านไก่ย่างห้าดาว แล้วต่อสายอัดแก๊สเข้าไปในตู้เอทีเอ็ม จากนั้นก็ราดน้ำมันเบนซินจากตู้เอทีเอ็มมาเป็นทาง ก่อนใช้ไฟแช็คจุดไฟไหม้ไปถึงตู้เอทีเอ็มที่อัดแน่นด้วยแก๊สจนระเบิด แล้วนำกล่องเงินขับจักรยานยนต์หลบหนีไป
การสืบสวนยังพบอีกว่าคนร้ายได้ศึกษาการระเบิดตู้เอทีเอ็มดังกล่าวจากยูทูป และพบว่าเตรียมการก่อเหตุด้วยการซื้อสติ๊กเกอร์สีขาวมาติดลายรถจักรยานยนต์ และติดตัวเลขที่แผ่นป้ายทะเบียนเพื่ออำพรางสายตา พร้อมกับซื้อหมวกกันน็อค 2 ใบ โดยคนร้ายมีภรรยาเป็นชาวกัมพูชา แต่พักอาศัยที่ประเทศกัมพูชา ซึ่งจะมาที่ประเทศไทยบ้างบางครั้ง ภายหลังก่อเหตุคนร้ายได้เดินทางไปประเทศมาเลเซียในวันที่ 17 กันยายน ก่อนย้อนกลับมาที่ประเทศไทยอีกครั้งในวันที่ 19 กันยายน เมื่อฝ่ายสืบสวนแน่ชัดในพยานหลักฐานจึงเฝ้าติดตามพฤติกรรม กระทั่งเมื่อเวลาประมาณ 03.00 น. วันนี้(26 ก.ย.) คนร้ายได้ปรากฏตัวที่อพาร์ทเม้นท์แห่งหนึ่งภายในซอยรามคำแหง 50 เจ้าหน้าที่ฝ่ายสืบสวน กก.สส.บก.น.4 จึงนำกำลังเข้าจับกุมมาสอบปากคำ แต่คนร้ายยังให้การปฏิเสธทุกอย่าง อย่างไรก็ตามเจ้าหน้าที่มั่นใจในพยานหลักฐานว่าสามารถเอาผิดคนร้ายได้ ขณะนี้อยู่ระหว่างยื่นขออนุมัติหมายจับ ส่วนเงินที่ได้ไป 3 แสนกว่าบาทคาดว่าใช้เที่ยวเตร่หมดแล้ว
จากการสอบสวนเบื้องต้นผู้ต้องสงสัยชาวโปแลนด์คนดังกล่าวยังไม่ได้ให้การที่เป็นประโยชน์ต่อรูปคดีกับเจ้าหน้าที่ชุดจับกุม แต่คาดว่าน่าจะมีประวัติการก่อเหตุลักษณะเดียวกันนี้ในต่างประเทศมาก่อน โดยขณะนี้อยู่ระหว่างการตรวจสอบข้อมูล พร้อมกับรวบรวมพยานหลักฐานเพื่อยืนต่อสาลขออนุมัติหมายจับต่อไป นอกจากนี้ยังมีรายงานด้วยว่า ในวันที่ 27 กันยายน นี้ พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผบ.ตร. จะแถลงผลการจับกุมและนำตัวไปทำแผนประกอบคำรับสารภาพต่อไป