ในกรณีที่ศาลนัดฟังคำพิพากษาหรือคำสั่งตามวรรคหนึ่ง แต่จำเลยไม่อยู่หรือ ไม่มาฟังคำพิพากษาให้ศาลเลื่อนการอ่านไปและออกหมายจับจำเลยมาฟังคำพิพากษา เมื่อได้ออก หมายจับแล้วไม่ได้ตัวจำเลยมาภายในหนึ่งเดือนนับแต่วันออกหมายจับ ให้ศาลอ่านคำพิพากษา หรือคำสั่งลับหลังจำเลยได้ และให้ถือว่าจำเลยได้ฟังคำพิพากษาหรือคำสั่งนั้นแล้ว"
ทั้งนี้มีการตีความกฎหมายในกรณีออกเป็น 2 ฝ่าย คือ ฝ่ายที่เห็นว่าวันที่ 27 นี้ศาลต้องอ่านคำพิพากษาแน่นอน กับอีกฝ่ายเห็นว่าศาลจะอ่านหรือไม่อ่านก็ได้ เพราะกฎหมายไม่ได้บังคับ แค่บอกว่า"ให้ศาลอ่านคำพิพากษา หรือคำสั่งลับหลังจำเลยได้"ซึ่งข้อความส่วนนี้เป็นการแก้ไขกฎหมายจากเดิมที่ห้ามอ่านคำพิพากษาลับหลังจำเลยแต่ก็ไม่ใช่บังคับว่าศาลต้องอ่าน
อ่านไม่อ่านมีความหมายอย่างไร??
ในมุมมองของคนพรรคเพื่อไทย กำลังกังวลว่าศาลอาจจะไม่อ่านคำพิพากษาในวันที่ 27 นี้
แหล่งข่าวจากเพื่อไทย ยอมรับว่า ตอนนี้นางสาวยิ่งลักษณ์ กำลังรอดูคำพิพากษาอยู่ หากมีคำพิพากษาออกมาชัดเจน นางสาวยิ่งลักษณ์ ก็สามารถออกมาแสดงจุดยืนได้ และสามารถแสดงความชัดเจนได้ว่าจะเดินอย่างไรต่อไป แต่ถ้ายังไม่มีคำพิพากษาออกมา นางสาวยิ่งลักษณ์ ก็คงไม่สามารถออกมาได้ ก็ต้องเก็บตัวต่อไป
พูดง่ายๆ เหมือนกับตอนนี้ "ยิ่งลักษณ์" ดำดินอยู่ ถ้าคำพิพากษาออกมาก็โผล่ออกมาได้ แต่ถ้ายังไม่ออกมา ก็ต้องเก็บตัวต่อไป
อย่างไรก็ตาม ในอีกด้านหนึ่ง มีการมองกันว่า หากศาลอ่านคำพิพากษาเลย ซึ่งมีแนวโน้มว่าคำพิพากษาอาจจะออกมาเข้มข้นเหมือนกับคำพิพากษาคดีระบายข้าวแบบจีทูจีของนายบุญทรง เตริยาภิรมณ์ กับพวก ที่โดนโทษหนักจำคุกสูงสุดถึง 48 ปี ก็จะยิ่งทำให้สถานการณ์ของนางสาวยิ่งลักษณ์ ลำบากมากขึ้น
เพราะหากศาลตัดสินว่านางสาวยิ่งลักษณ์ ผิดและถูกจำคุก สถานะของเธอจะเปลี่ยนไปทันที จากที่ปัจจุบันโดนออกหมายจับเพื่อให้มาฟังคำพิพากษา ยังไม่ถือว่ามีความผิด ก็จะกลายสภาพเป็นถูกออกหมายจับในฐานะผู้กระทำความผิดทันที และคราวนี้การขอความร่วมมือต่างประเทศในการจับตัวมาดำเนินคดีจะสามารถทำได้เต็มรูปแบบมากขึ้น
แต่ในมุมของเพื่อไทย มองว่า หากคำพิพากษาออกมาชัดเจน แม้จะตัดสินว่ายิ่งลักษณ์ผิด ก็ดีกว่า เพราะยิ่งลักษณ์สามารถตัดสินใจได้ว่าจะกำหนดบทบาทตัวเองอย่างไร จะจับมือ "พี่ชาย" เดินหน้าชน หรือจะค่อยๆเฟดตัวเองออกจากการเมือง รวมไปถึงเรื่องการขอลี้ภัยด้วย
ลุ้นกันอีกที วันที่ 27 กันยายน นี้!!
-----