เมื่อวันที่ 28 ส.ค. เวลา 16.00 น.ที่ชายหาดเฉวง เกาะสมุย นายสาทิตย์ วงศ์หนองเตย ประธานมูลนิธิมวลมหาประชาชนเพื่อการปฏิรูปประเทศไทย (มปท.) กล่าวถึงกรณีที่มีกรแสข่าวว่ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี เตรียมขอลี้ภัยไปยังประเทศอังกฤษ ว่า ที่ผ่านมา กปปส. เราโฟกัสที่การทุจริต การใช้อำนาจมิชอบของรัฐ รวมถึงการทุจริตโครงการจำนำข้าว ซึ่งผลจากการที่ศาลตัดสินชี้ให้เห็นว่าปัญหาไม่ได้อยู่ที่นโยบาย แต่อยู่ที่การทุจริตที่เกิดขึ้นจริง ซึ่งมีการร่วมมือกันตั้งแต่นักการเมือง ข้าราชการประจำ จนถึงพ่อค้า
ดังนั้นการหนีไปต่างประเทศของอดีตนายกฯ ทำให้เกิดคำถามในสังคมที่ว่า คนที่เป็นนายกฯตนต่อไป จะต้องรับโทษหรือไม่ ในกรณีที่ไม่รับงับยับยั้งโครงการ ในขณะที่รู้ว่าผู้อยู่ใต้บังคับบัญชาทุจริต ขณะเดียวกันเรื่องการขอลี้ภัยนั้น ตนมองว่านี่เป็นเรื่องส่วนตัว ถ้าถามว่ากระทบกับประเทศหรือไม่ ก็กระทบกับคนที่ประกาศตัวเป็นนายกรัฐมนตรี จะต้องยืนหยัดรับผิดชอบในสิ่งที่ตัวเองทำ และต่อไปนี้บรรทัดฐานของคนที่จะเป็นนายกฯจะต้องเข้มงวดกว่านี้ และให้ถือว่าเรื่องนี้เป็นกรณีตัวอย่าง ไม่ควรเกิดขึ้นอีก
"ผมคิดว่าเรื่องนี้รัฐบาลและผู้ที่เกี่ยวข้องมีหน้าที่ ที่จะต้องอธิบายเรื่องราวที่เกี่ยวข้อง และชี้แจงว่าคดีโครงการรับจำนำข้าว ว่าการทุจริตในมีที่มาที่ไปอย่างไร และส่งผลเสียหายอย่างไรต่อประเทศ ซึ่งการอธิบายข้อเท็จจริง สามารถลดกระแสไม่ให้กลุ่มคนบางกลุ่มหยิบไปบิดเบือนว่าเรื่องนี้เป็นการถูกกลั่นแกล้งทางการเมือง" นายสาธิตกล่าว
เมื่อถามว่าผลของคำพิพากษานายบุญทรงถือว่าเป็นความสำเร็จของฝ่ายที่เคลื่อนไหวต่อต้านหรือ นายสาธิตกล่าว่า ที่ผ่านมาคนมักจะบอกว่ากระบวนการ อภิปรายในรัฐสภา ทำอะไรไม่ได้ แต่วันนี้ผลของการดำเนินการที่ยังดำเนินอยู่ ก็เห็นชัด ซึ่งสิ่งที่ชัดสุดคือ กระบวนการทำงานของรัฐบาล จะต้องมีกระบวนการตรวจสอบอย่างเข้มข้น ซึ่งเป็นเรื่องที่น่าเสียดายที่ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ไม่ได้อยู่เพื่อพิสูจน์ตัวเองในคดีนี้ และจะมาอ้างเป็นเกมการเมืองไม่ได้