svasdssvasds
เนชั่นทีวี

สังคม

เจ้าของธุรกิจเครื่องสำอางกว่า 20 แบรนด์ร้องตร.ถูกหลอกลงทุนโปรโมทสินค้าในประเทศ AEC

04 พฤษภาคม 2560
เกาะติดข่าวสาร >> Nation Story
logoline

ที่ กองบังคับการปราบปราม น.ส.เอ(นามสมมติ) เมื่อเวลา 10.00 น.วันที่ 4 พฤษภาคม ตัวแทนบริษัทเครื่องสำอางยี่ห้อหนึ่ง พร้อมด้วยเจ้าของธุรกิจความความงาม กว่า 20 ราย เดินทางเข้าพบ พล.ต.ต.สุทิน ทรัพย์พ่วง ผบก.ป. เพื่อแจ้งความดำเนินคดีกับ น.ส.วัชรียา (สงวนนามสกุล) อายุ 45 ปี เจ้าของบริษัทธุรกิจแห่งหนึ่งเกี่ยวกับการโปรโมทสินค้า ในข้อหา "ฉ้อโกง" หลังหลอกลวงผู้เสียหายหลายรายให้ลงทุนโปรโมทธุรกิจแล้วไม่สามารถทำให้ได้ตามที่ตกลง จนทำให้เกิดความเสียหายกว่า 30 ล้านบาท ซึ่งได้นำเอกสารหลักฐาน เช่น หนังสือทำสัญญาลงทุน หลักฐานการโอนเงิน เป็นต้น มามอบให้พนักงานสอบสวนประกอบสำนวนคดี

น.ส.เอ เปิดเผยว่า ตนได้รู้จักกับบริษัทดังกล่าวเมื่อประมาณเดือนพฤศจิกายน ปี 2559 โดยได้รับคำแนะนำมาจากเพือนสนิท จึงได้เข้าไปศึกษาข้อมูลทางเฟสบุ๊คของบริษัท พร้อมติดต่อสอบถามรายละเอียดไปยังบริษัท ทราบว่าบริษัทดังกล่าวรับเป็นผู้โปรโมทสินค้าและกระจายการขายสินค้าในแถบอาเซียน เช่น ลาว , พม่า , เวียดนาม เป็นต้น โดยผู้ที่สนใจจะต้องสมัครค่าแรกเข้าเป็นเงิน 178,000 บาท และจะได้รับการนำสินค้าไปโปรโมทตามประเทศที่ตกลงก่อนหน้านี้ ซึ่งจะนำสินค้าไปวางจำหน่ายที่หน้าร้านของบริษัทเองที่ตั้งอยู่ในประเทศนั้น
น.ส.เอ กล่าวต่อว่า หลังจากนั้นตนได้เซ็นสัญญาสมัครสมาชิกพร้อมจ่ายเงิน ก็ได้นำสินค้าประเภทเครื่องสำอางรวมมูลค่าประมาณ 8 แสนบาท ไปมอบให้กับบริษัทเพื่อนำไปโปรโมทและขายในต่างประเทศ โดยระยะเวลา 3 เดือนแรก ตนได้รับเงินจากการขายสินค้าประมาณเพียงหลักหมื่น ซึ่งถือว่าน้อยมากกับเงินลงทุนและผลตอบแทนที่ทางบริษัทกล่าวอ้าง อีกทั้งทางบริษัทได้ชักชวนให้ซื้อแพ็คเกจเสริมในราคา 2 ล้านบาท เพื่อเป็นการซื้อสื่อในต่างประเทศเพิ่ม และการันตีค่าตอบแทน 200 % แต่ตนไม่ได้ตัดสินใจซื้อแพ็คเกจดังกล่าวเพิ่มเนื่องจากทางบริษัทมีการเร่งรัดในการจ่ายเงินลงทุนเร็วเกินไป
น.ส.เอ กล่าวต่ออีกว่า หลังจาก 3 เดือนผ่านไป ทางบริษัทก็ไม่จ่ายเงินในการขายสินค้าให้จึงได้ติดต่อสอบถามไปก็ได้รับการบ่ายเบี่ยงได้อ้างว่าอยู่ต่างประเทศ จนกระทั่งติดต่อไม่ได้ ตนจึงได้เดินทางไปยังบริษัทดังกล่าวที่ตั้งอยู่ในย่านวัชรพล เป็นตึกแถว 3 ชั้น บริเวณด้านล่างเปิดเป็นสำนักงาน ส่วนชั้นบนเป็นที่เก็บของ โดยเมื่อไปถึงพบว่าไม่มีใครอยู่ในตึก จึงสอบถามทางเจ้าของตึกก็ทราบว่าตัวบริษัทดังกล่าวค้างค่าเช่ามา 3 เดือนแล้วติดต่อทวงเงินไปก็อ้างเช่นเดียวกันคืออยู่ต่างประเทศ
"อยากจะฝากเตือนไปยังนักธุรกิจหน้าใหม่ให้ทราบถึงกลการหลอกลวงที่มาในหลายรูปแบบ ขอให้ระวังตัวและระมัดระวังในการตัดสินใจในการลงทุนโปรโมทสินค้า เพื่อไม่ให้ตกเป็นเหยื่อ" น.ส.เอ กล่าวเตือนนักธุรกิจน้องใหม่
เบื้องต้นทาง พล.ต.ต.สุทิน ได้สั่งการให้พนักงานสอบสวนทำการสอบปากคำผู้เสียหายที่เดินทางมาทั้งหมดในวันนี้และเก็บเอกสารหลักฐานต่าง ๆ ที่ผู้เสียหายนำมาเพื่อประกอบสำนวน ก่อนที่จะเรียกผู้ที่เกี่ยวข้องมาสอบปากคำเพิ่มเติม

logoline