แม้จะพบเห็นดอกหญ้าได้บ่อย ริมทางข้างถนนติดกับเนินเขา ที่ชาวบ้านจะเก็บมาตากแดดไว้เรียงรายก่อน จะนำมามัดให้เป็นไม้กวาดตามแนวถนัดของแต่ละคน และมักจะมีลักษณะแตกต่างไม่เหมือนกัน บ้างก็ทำไว้ใช้เอง หรือชาวบ้านรวมตัวกันเป็นกลุ่มวิสาหกิจชุมชนผลิตไม้กวาดส่งขายเป็นอาชีพเสริม ซึ่งจำเป็นต้องใช้ดอกหญ้าจำนวนมากมาตุนเอาไว้เพื่อใช้ในการทำไม้กวาดได้ตลอดทั้งปี เพราะดอกหญ้าที่แข็งแรงทนทานสามารถเก็บได้ในเฉพาะช่วงหน้าแล้งเท่านั้น
แหล่งซื้อขายดอกหญ้าที่สำคัญและใหญ่ที่สุดแห่งหนึ่งในภาคใต้ อยู่ที่บ้านหินกอง ต.บางแก้ว อ.ละอุ่น จ.ระนอง ซึ่งคนที่นี่เรียกว่าดอกอ้อ ชาวบ้านจะรับซื้อดอกหญ้าจากชาวพม่า ที่ทำเป็นมัดๆละ 1,000 ก้าน นำใส่เรือข้ามแม่น้ำกระบุรีที่กั้นพรมแดนระหว่างไทยกับสหภาพเมียรมาร์ มาขายขณะที่พ่อค้าคนกลาง ฝั่งไทยทำโกดังขนาดใหญ่ไว้รองรับ แต่ละปีจะมีดอกหญ้าตุนไว้ไม่ต่ำกว่าหนึ่งแสนมัด ซึ่งในช่วงนี้ดอกหญ้าจากฝั่งพม่าจะถูกส่งเข้ามาเป็นจำนวนมากทำให้โกดังถูกอัดแน่นเต็มพื้นที่ เพื่อกระจายไปให้ผู้รับซื้อที่มาจากทั่วทั้งภาคใต้ นำวัตถุดิบเหล่านี้ไปแปรรูปทำเป็นไม้กวาดขายอีกทอดหนึ่ง
โดยสามารถหาซื้อได้ตลอดทั้งปี หากดอกหญ้าในโกดังชุดเก่าใกล้จะหมด ก็จะมีของใหม่จากฝั่งพม่าเข้ามาเสริมอยู่ตลอด ทำให้ที่นี่กลายเป็นแหล่งซื้อขายที่ใหญ่ที่สุดในปัจจุบัน ดอกหญ้าที่เก็บตุนเอาไว้ พ่อค้าคนกลางจะขายต่อในราคามัดละ 160 บาท แต่เมื่อนำไปทำไม้กวาดแล้วจะได้ไม่ต่ำกว่า 15 ด้าม ปกติจะส่งขายตามท้องตลาดในราคาด้ามละประมาณ 50 - 80 บาท นับว่าเป็นธุรกิจที่ทำกำไรเพิ่มขึ้นหลายเท่าตัว เพราะแต่ละบ้านขาดไม้กวาดไม่ได้ทำให้ดอกหญ้าริมทาง ซึ่งดูเหมือนจะไร้ค่าแต่ทำราคาได้เป็นล้าน