"ศานิตย์"สอบ"ผู้กองเบนซ์" ให้การปฎิเสธ อ้างตู้เก็บของรวม ไม่รู้ที่มา-ที่ไปยาเสพติด

การจับกุมครั้งนี้สืบเนื่องจาก เมื่อกลางดึกที่ผ่านมา กก.สส.บก.น.7 นำกำลังจับกุม นายโยชัยหรือสัก แซ่โค้ว กับ นายศุภกิจ หรืออาร์ต ชื่นชมชิต ได้พร้อมยาบ้า 1,400 เม็ด และยาไอซ์ 100 กรัม ที่หมู่บ้านสินชัย 3 ซอยจรัญสนิทวงศ์ 35 จากการสอบสวนทั้งคู่ให้การซัดทอดว่า ยาเสพติดได้มาจาก ผู้กองเบนซ์ ตำรวจฝ่ายสืบสวน สน.บวรมงคล ซึ่งระหว่างสอบปากคำนั้น ผู้กองเบนซ์ ได้โทรศัพท์เข้ามาหาผู้ต้องหา เจ้าหน้าที่ฝ่ายสืบสวนชุดจับกุมจึงรายงานให้ พล.ต.ต ธีระพงษ์ วงษ์รัฐพิทักษ์ ผบก.น.7 พ.ต.อ.วิรดล ทับทิมดี ผกก.สน.บวรมงคล และพ.ต.อ.ภิญโญ ป้อมสถิตย์ ผกก.สส.บก.น.7 พร้อมเจ้าหน้าที่กองพิสูจน์หลักฐาน เข้าตรวจค้นตู้ล็อกเกอร์ของ ร.ต.อ.สุพัฒน์ หรือ ผู้กองเบนซ์ ภายในห้องสืบสวนของโรงพัก พบยาเสพติดดังกล่าวซุกซ่อนอยู่ในกระเป๋าสะพายสีแดง จึงยึดไว้เป็นของกลางต่อมาเจ้าหน้าที่ได้รวบรวมพยานหลักฐาน ขออนุมัติหมายจับจากศาลจังหวัดตลิ่งชัน เพื่อจับกุมผู้ต้องหาที่เป็นตำรวจ 6 คน เป็นระดับรองสารวัตร 3 คน และชั้นประทวน 3 คน ประกอบด้วย ร.ต.อ.สุพัฒน์ ประจงหัตถ์ หรือ ผู้กองเบนซ์ ร.ต.อ.นิติธร พลบุญ รอง สว.สส.สน.บวรมงคล ร.ต.ท.วีระพล คำดี รอง สว.สส.สน.บวรมงคล ด.ต.ปริญญา จิตต์หาญ ผบ.หมู่ สส.สน.บวรมงคล จ.ส.ต.ภูณัช เนตรสว่าง ผบ.หมู่ สส.สน.บวรมงคล และ ส.ต.ต.เรืองยศ สามบุญเรือง ผบ.หมู่ ป.ช่วยราชการ งานสืบสวน สน.บวรมงคล โดยทั้งหมดเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดจู่โจมของ สน.บวรมงคล ในความผิด 3 ข้อหาคือ มียาเสพติดให้โทษประเภทที่ 1 (ยาบ้า,ยาไอซ์) ไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายโดยผิดกฎหมาย ,มีวัตถุออกฤทธิ์ต่อจิตและประสาท (เคตามีน) ไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายโดยผิดกฎหมาย และมียาเสพติตให้โทษประเภทที่ 5 (กัญชา) ไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายโดยผิดกฎหมาย โดยภายหลัง ร.ต.อ.นิติธร ,ด.ต.ปริญญา ,จ.ส.ต.ภูณัช และ ส.ต.ต.เรืองยศ ได้เข้ามามอบตัวในภายหลัง เหลือ ร.ต.ท.วีระพล ที่ยังไม่มามอบตัวแต่อย่างใดมีรายงานว่า ยาเสพติดของกลางที่ยึดไว้ได้นั้น เมื่อช่วงค่ำของวันที่ 10 ก.พ.ที่ผ่านมา กลุ่มของ ร.ต.อ.สุพัฒน์ หรือผู้กองเบนซ์ ได้จับกุมยาเสพติดจากคอนโดมิเนียมแห่งหนึ่ง ในซอยจรัญสนิทวงศ์ 95/1 แต่ไม่มีการดำเนินคดีกับผู้ใด และเอายาเสพติดของกลางมาเก็บไว้ ก่อนลักลอบจำหน่ายยาเสพติดให้นักค้ารายย่อยในพื้นที่ต่อมาเวลา 14.00 น. วันที่ 24 ก.พ. พล.ต.ท.ศานิตย์ มหถาวร ผบช.น. เดินทางมาสอบปากคำเจ้าหน้าที่ตำรวจทั้ง 5 นาย ที่ บก.น.7 โดยใช้เวลาประมาณ 30 นาที ก่อนเปิดเผยว่า คดีนี้ ผบ.ตร.กำชับให้มาดู จึงเดินทางมาสอบปากคำด้วยตัวเอง โดยคดีนี้เริ่มจาก เจ้าหน้าที่ กก.สส.บก.น.7 จับกุมผู้ค้าที่ไม่ใช่เจ้าหน้าที่ตำรวจได้ก่อน 2 คน พร้อมยาบ้าจำนวนหนึ่ง ก่อนนำตัวมาสอบสวนขยายผล ทั้งคู่ก็ให้การซัดทอดว่า ยาเสพติดเป็นของ ร.ต.อ.สุพัฒน์ เจ้าหน้าที่จึงขยายผลจนสามารถยึดของกลางยาเสพติดที่อยู่ในตู้ล็อกเกอร์ในห้องสืบสวน ของ สน.บวรมงคลพล.ต.ท.ศานิตย์ กล่าวต่อว่า จากการสอบปากคำตรวจทั้ง 5 นาย ยังให้การปฏิเสธว่า ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับยาเสพติดทั้งหมด ยังไม่มีใครยอมรับว่าเป็นยาเสพติดของใคร ส่วนรายละเอียดอื่นๆ ทั้งหมดยังไม่ได้ให้การเพิ่มเติม จากการสอบถาม สว.สส.สน.บวรมงคล ก็บอกว่า เป็นล็อกเกอร์รวมไม่มีใครเป็นเจ้าของ แต่ยังไม่ปักใจเชื่อในคำให้การทั้งหมด โดยมีข้อมูลว่า ยาเสพติดทั้งหมดนั้นได้มาประมาณ 2 สัปดาห์ที่ผ่านมา เบื้องต้นหลังแจ้งข้อหาแล้วจะส่งให้พนักงานสอบสวนนำตัวไปดำเนินคดี พร้อมมีคำสั่งให้ออกจากราชการไว้ก่อนทั้ง 6 นาย พร้อมทั้งคัดค้านการประกันตัวพล.ต.ท.ศานิตย์ กล่าวด้วยว่า คดีนี้ยืนยันว่าจะให้ความเป็นธรรม แต่ไม่มีการเมตตาเเน่นอน นอกจากนี้เมื่อตำรวจฝ่ายสืบสวนทำความผิด ผู้บังคับบัญชาสายสืบสวนก็ต้องรับผิดชอบ โดยได้มีคำสั่งให้ สว.สส.สน.บวรมงคล กับ ผกก.สน.บวรมงคล มาช่วยราชการที่ บช.น. พร้อมทั้งตั้งคณะกรรมการสอบสวนข้อเท็จจริงว่ามีส่วนรู้เห็นหรือไม่ หากเกี่ยวข้องก็ต้องดำเนินคดีอาญา หรือปล่อยปละละเลยลูกน้องหรือไม่ หากมีส่วนปล่อยปละละเลย ก็ต้องดำเนินการทางวินัยด้วย ส่วน รอง ผกก.สส.ที่ไม่ได้มีคำสั่งนั้น เนื่องจากไปอบรม ยืนยันว่า ตำรวจดีๆยังมีมากกว่า จำนวนนี้เป็นเพียงส่วนน้อย นิ้วไหนร้ายก็ต้องตัดทิ้ง ไม่เก็บไว้แน่นอน ฉะนั้นให้โอกาสตำรวจที่ยังคิดจะนอกลู่นอกทางให้กลับตัวเสีย