svasdssvasds
เนชั่นทีวี

อาชญากรรม

ศาลสั่งประหาร! หมอนิ่ม-ทนายจ้างฆ่า "เอ็กซ์ จักรกฤษณ์" แม่หมอนิ่ม "ยกฟ้อง"

ศาลมีนบุรี พิพากษาประหารชีวิต " หมอนิ่ม " จ้างฆ่าผัว " เอ็กซ์ จักรฤษณ์ " นักกีฬาแม่นปืนทีมชาติดับ เมื่อปี 56 ส่วนทนายอี๊ด คนประสานโดนโทษประหารด้วย ส่วนมือปืน-ทีมขี่จยย. ถูกจำคุกตลอดชีวิต ส่วนแม่หมอนิ่มศาลยกฟ้อง

ข่าวที่เกี่ยวข้อง
"หมอนิ่ม" เข้าเรือนจำแล้วหลังศาลพิพากษาประหารชีวิต คดีจ้างฆ่า "เอ็กซ์ จักรกฤษณ์" ย้อนคดีสั่งตาย"เอ็กซ์ จักรกฤษณ์"



ศาลมีนบุรี พิพากษาประหารชีวิต " หมอนิ่ม " จ้างฆ่าผัว " เอ็กซ์ จักรฤษณ์ " มือปืนทีมชาติดับปี 56 - ทนายอี๊ด คนประสานโดนด้วยประหารชีวิต ขณะที่ " มือปืน-ทีมขี่จยย." เจอคุกตลอดชีวิต พร้อมสั่งร่วมกันชดใช้แม่เอ็กซ์ 2.5 ล้าน ส่วน "แม่หมอนิ่ม " พิพากษายกฟ้อง ขณะที่ทนาย ยื่นเงินสด 2.5 ล้านประกันหมอนิ่ม พร้อมแนบพาสปอร์ตยันไม่หลบหนี ศาลชั้นต้น ส่งศาลอุทธรณ์สั่งเอง สุดท้ายหมอนิ่ม-ทนายอี๊ด ต้องนอนเรือนจำ

ศาลสั่งประหาร! หมอนิ่ม-ทนายจ้างฆ่า "เอ็กซ์ จักรกฤษณ์" แม่หมอนิ่ม "ยกฟ้อง"

19 ธ.ค.59 - ที่ห้องพิจารณา 203 ศาลจังหวัดมีนบุรี ถ.สีหบุรานุกิจ เมื่อเวลา 09.30 น.ศาลอ่านคำพิพากษาคดีหมายเลขดำ อ.383/2557 ที่พนักงานอัยการสำนักงานคดีศาลจังหวัดมีนบุรี เป็นโจทก์ และนายมานพ พณิชย์ผาติกรรม บิดาของนายจักรกฤษณ์ หรือเอ็กซ์ โจทก์ร่วม ยื่นฟ้อง นายจิรศักดิ์ หรือจี กลิ่นคล้าย อายุ 35 ปี อาชีพรับจ้าง ถูกกล่าวเป็นมือปืน,น.ส.สุรางค์ ดวงจินดา อายุ 74 ปี มารดาของพญ.นิธิวดี หรือหมอนิ่ม,พญ.นิธิวดี หรือหมอนิ่ม ภู่เจริญยศ อายุ 40 ปี ประกอบธุรกิจส่วนตัว อดีตภรรยาของนายจักรกฤษณ์ หรือเอ็กซ์ พณิชย์ผาติกรรม อดีตนักกีฬายิงปืนทีมชาติไทย,นายสันติ หรืออี๊ด ทองเสม อายุ 30 ปี อาชีพทนายความ และนายธวัชชัย หรืออ้น เพชรโชติ อายุ 35 ปี อาชีพรับจ้าง ผู้ขี่รถจักรยานยนต์พามือปืนก่อเหตุ เป็นจำเลยที่ 15 ในความผิดฐานร่วมกันฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อน,จ้างวานใช้ ยุยงส่งเสริม ให้ฆ่า,มีและพกพาอาวุธปืน ยิงอาวุธปืนในที่ทางสาธารณะ
ตามฟ้องของอัยการโจทก์เมื่อวันที่ 31 มี.ค.57 บรรยายพฤติการณ์สรุปว่า ระหว่างเดือน ส.ค. - วันที่ 19 ต.ค.56 จำเลยที่ 2 - 4 ได้ร่วมกันจ้างวานใช้ นายจิรศักดิ์ จำเลยที่ 1 กับพวกที่อยู่ระหว่างหลบหนี ให้ฆ่านายจักรกฤษณ์หรือเอ็กซ์ พณิชย์ผาติกรรม อดีตนักกีฬายิงปืนทีมชาติไทย ซึ่งต่อมาจำเลยที่ 1 กับพวกได้ใช้อาวุธปืนออโตเมติก ยี่ห้อลูเกอร์ รุ่นโตกาเรฟ ขนาด7.62 ม.ม. ยิงนายจักรกฤษณ์หลายนัด ถูกที่หน้าอก หัวใจ ปอด จนถึงแก่ความตายสมดังเจตนาของพวกจำเลย ก่อนหลบหนีไป ต่อมาเจ้าหน้าที่ตำรวจสืบสวนสอบสวนติดตามจับกุมจำเลยได้ ชั้นสอบสวนนายจิรศักดิ์ และ น.ส.สุรางค์จำเลยที่ 1 - 2 ให้การภาคเสธ ส่วน พญ.นิธิวดี อดีตภรรยานายจักรกฤษณ์ และนายสันติ ทนายความ จำเลยที่ 3 - 4 ให้การปฏิเสธ ต่อสู้คดี เหตุเกิดที่แขวงเขตมีนบุรี กรุงเทพฯ และที่อื่นเกี่ยวพันกัน ชั้นพิจารณาของศาล จำเลยทั้งสี่ให้การปฏิเสธ
โดยระหว่างการพิจารณาคดี นางสุรางค์ มารดาของหมอนิ่ม กับพญ.นิธิวดี หรือหมอนิ่ม และนายสันติ หรือทนายอี๊ด จำเลยที่ 2-4 ได้ประกันตัวไปคนละ 5 แสนบาท คดีสืบพยานเสร็จสิ้น เมื่อเดือน ก.ย.59 ที่ผ่านมา โดยศาลเบิกตัว นายจิรศักดิ์ มือปืน จำเลยที่ 1 และนายธวัชชัย ผู้ขี่จักรยานยนต์ จำเลยที่ 5 จากเรือนจำ ซึ่งไม่ได้รับการประกันตัวตลอดการพิจารณาคดี ส่วน น.ส.สุรางค์ มารดาของหมอนิ่ม กับพญ.นิธิวดี หรือ หมอนิ่ม และนายสันติ ทนายความ จำเลยที่ 2-4 มาศาลตามนัด
ศาลพิเคราะห์พยานหลักฐานโจทก์แล้ว พยานเบิกความว่า รู้จักกับ พญ.นิธิวดี จำเลยที่ 3 มานานกว่า 9 ปี และทราบว่าถูกผู้ตายทำร้าย โดยขอให้หาคนมาจัดการซึ่งมีการแนะนำให้รู้จักกับนายสันติ จำเลยที่ 4 โดยพยานก็ได้เห็นว่ามีการส่งเงินให้กับนายสันติ ส่วนที่มีพยานเบิกความว่า นางสุรางค์ จำเลยที่ 2 เป็นผู้จ่ายเงินให้กับนายสันติด้วยนั้น ก็เป็นคำให้การซัดทอดและมีการเปลี่ยนแปลงหลายครั้ง ศาลจึงรับฟังด้วยความระมัดระวังประกอบกับพยานบุคคลอื่น
ขณะที่โจทก์ ยังมีเจ้าหน้าที่ตำรวจ เบิกความเป็นพยานถึงการสืบสวนสรุปสาเหตุความขัดแย้งการสังหารผู้ตายว่าเกิดจากปัญหาในครอบครัว ซึ่งมีพยานอื่นเบิกความสนับสนุนเรื่องที่ผู้ตายคบหาคนอื่น และเคยพบกับ พญ.นิธิวดี จำเลยที่ 3 จนทำให้เกิดความไม่พอใจ ก่อนที่ พญ.นิธิวดี จะพามารดา เข้าร้องทุกข์ว่าถูกผู้ตายทำร้ายร่างกาย กระทั่งผู้ตายถูกจับกุมแล้วภายหลังถูกปล่อยตัวและพบว่าทรัพย์สินในตู้เซฟที่ธนาคารหายไป จึงไปแจ้งความดำเนินคดีกับ พญ.นิธิวดี และเจ้าหน้าที่ธนาคาร ในภายหลัง
นอกจากนี้ จากการตรวจสอบการใช้งานโทรศัพท์ ของนายจิรศักดิ์ จำเลยที่ 1 และ นายธวัชชัย จำเลยที่ 5 ก็พบว่ามีความเชื่อมโยงกับนายสันติ จำเลยที่ 4 ประกอบกับพนักงานสอบสวน เบิกความด้วยว่า นายจิรศักดิ์ จำเลยที่ 1 ให้การรับสารภาพในชั้นสอบสวน โดยละเอียดว่ารู้จักกับนายสันติ จำเลยที่ 4 และนายธวัชชัย จำเลยที่ 5 ได้อย่างไร ขณะที่คำเบิกความของนายธวัชชัย จำเลยที่ 5 ก็มีรายละเอียดสอดคล้องกับนายจิรศักดิ์ จำเลยที่ 1 แม้ภายหลังจะอ้างว่าถูกข่มขู่ให้รับสารภาพ แต่ก็พบว่ามีญาติของจำเลยเข้าร่วมฟังการสอบสวนด้วย
จากข้อเท็จจริง และพยานหลักฐานที่โจทก์นำสืบ ประกอบคำเบิกความของพยาน และภาพจากกล้องวงจรปิด ประกอบกับข้อมูลการใช้โทรศัพท์ มีน้ำหนักมั่นคงว่า นายจิรศักดิ์ จำเลยที่ 1,พญ.นิธิวดี จำเลยที่ 3,นายสันติ จำเลยที่ 4 และ นายธวัชชัย จำเลยที่ 5 ร่วมกันกระทำผิดตามฟ้อง
จึงพิพากษาว่า นายจิรศักดิ์ และนายธวัชชัยจำเลยที่ 1 และที่ 5 มีความผิดตาม ม.289(4), 371 , พ.ร.บ.อาวุธปืนฯ พ.ศ.2490 ม.7, 8 , 72 วรรคสาม, 72 ทวิ วรรคสอง ส่วน พญ.นิธิวดี และนายสันติหรือทนายอี๊ดจำเลยที่ 3-4 มีความผิดตาม ม. 84, 289 (4) โดยนายสันติ จำเลยที่ 4 ยังมีความผิดตาม พ.ร.บ.อาวุธปืนฯ พ.ศ.2490 ม.7, 72 วรรคสามด้วย ให้ประหารชีวิต นายจิรศักดิ์ และนายธวัชชัย จำเลยที่ 1 และที่ 5 ฐานร่วมกันพยายามฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อนให้ประหารชีวิต โดยให้ประหารชีวิต พญ.นิธิวดี และนายสันติ จำเลยที่ 3-4 ฐานร่วมกันเป็นผู้ใช้ให้กระทำความผิดฆ่าผู้อื่นโดยไตรตรองไว้ก่อน และให้จำคุกนายจิรศักดิ์ , นายสันติ และนายธวัชชัย จำเลยที่ 1, 4 และ 5 อีกคนละ 1 ปีฐานร่วมกันมีอาวุธปืนไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต และฐานร่วมกันพาอาวุธปืนไปที่สาธารณะฯ ให้จำคุกนายจิรศักดิ์ และนายธวัชชัย จำเลยที่ 1 และที่ 5 อีกคนละ 6 เดือน ซึ่งทางนำสืบและคำให้การชั้นสอบสวนของจำเลยที่ 1 และ 5 เป็นประโยชน์ต่อการพิจารณาอยู่บ้าง มีเหตุบรรเทาโทษลดโทษคนละ 1ใน 3

จึงให้จำคุกตลอดชีวิตนายจิรศักดิ์ และนายธวัชชัย จำเลยที่ 1 และที่ 5 ฐานร่วมกันฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อน , จำคุกคนละ 8 เดือน ฐานร่วมกันมีอาวุธปืนของผู้อื่นฯ , จำคุกคนละ 4 เดือน ฐานร่วมกันพกอาวุธปืนฯ แต่เมื่อรวมโทษทุกระทงแล้ว คงจำคุกตลอดชีวิตจำเลยที่ 1 และ ที่ 5
ส่วน พญ.นิธิวดี จำเลยที่ 3ให้ประหารชีวิต ฐานร่วมกันเป็นผู้ใช้ให้กระทำความผิดฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อน ส่วนนายสันติ หรือทนายอี๊ด จำเลยที่ 4 เมื่อต้องโทษประหารชีวิตแล้ว จึงไม่อาจนำโทษจำคุกในความผิดกระทงอื่นมารวมได้อีก คงประหารชีวิตสถานเดียว ให้จำเลยที่ 1, 3, 4 และ 5 ร่วมกันชดใช้เงิน 2,500,000 บาท พร้อมดอกเบี้ยในอัตราร้อยละ 7.5 ต่อปีแก่นายมานพ โจทก์ร่วม และนางสมคิด ผู้ร้อง บิดา-มารดานายจักรกฤษณ์ผู้ตายด้วย นับตั้งแต่เดือน ก.ย.57 ที่ได้ยื่นคำร้องจนกว่าจะชำระเสร็จ
และให้พิพากษายกฟ้องน.ส.สุรางค์ มารดาหมอนิ่มจำเลยที่ 2 พร้อมให้ริบปลอกกระสุนปืนและลูกกระสุนปืนของกลาง ด้วยผู้สื่อข่าวรายงานว่า ระหว่างฟังคำพิพากษานายจิรศักดิ์ จำเลยที่ 1 และนายธวัชชัย จำเลยที่ 5 ในชุดนักโทษมีสีหน้าเรียบเฉย ขณะที่น.ส.สุรางค์ มารดาของหมอนิ่ม จำเลยที่ 2 ซึ่งสวมชุดผ้าไทยสีดำ มีสีหน้าวิตกแสดงความกังวลในช่วงอ่านคำพิพากษาเวลาเกือบ 1 ชม. ส่วนพญ.นิธิวดี จำเลยที่ 3 ซึ่งสวมชุดสูทสีดำในช่วงแรกมีหน้าเรียบเฉย แต่เมื่อได้ฟังคำพิพากษาระยะหนึ่งได้แสดงความวิตกโดยจับมือกับผู้เพื่อผู้หญิงที่มาร่วมฟังคำพิพากษา ส่วนนายสันติ จำเลยที่ 4 มีสีหน้าเรียบเฉยในสูทสีดำ
ภายหลังฟังคำพิพากษา เจ้าหน้าที่ราชทัณฑ์ได้คุมตัวนายจิรศักดิ์ พญ.นิธิ นายสันติ และนายธวัชชัยวดี ไปยังเรือนจำพิเศษมีนบุรี
นางสมคิด พณิชย์ผาติกรรม มารดาของเอ็กซ์ จักรกฤษณ์ ซึ่งมาร่วมฟังคำพิพากษาด้วย ได้กล่าวทั้งน้ำตาว่า ตลอด 3 ปีที่ผ่านมา ก็มีความรู้สึกทุกข์ใจมาโดยตลอด และได้อโหสิกรรมให้กับผู้กระทำผิดมานานแล้วแต่ขณะนี้รู้สึกห่วงหลานทั้งสองคนมาก
ด้านนายชำนาญ ชาดิษฐ์ ทนายความของหมอนิ่ม เปิดเผยว่า ได้ยื่นคำร้องและหลักทรัพย์เดิมซึ่งเป็นเงินสด 500,000 บาท และเพิ่มหลักทรัพยใหม่เป็นเงินสดอีก 2 ล้านบาท รวมหลักทรัพย์ทั้งสิ้น 2.5 ล้านบาท พร้อมยื่นหนังสือเดินทางเป็นหลักประกันว่าจะไม่หลบหนี โดยศาลมีคำสั่งส่งให้ศาลอุทธรณ์พิจารณาคำร้องประกันตัวต่อไป ดังนั้นขณะนี้ พญ.นิธิวดี จึงต้องเข้าเรือนจำก่อน
ขณะที่นายบุญเรือง อุทัยรัตน์ ทนายความของครอบครัว พณิชย์ผาติกรรม โจทก์ร่วม กล่าวว่า คดีนี้ใช้เวลา 3 ปี ซึ่งศาลพิพากษาแล้วให้จำเลยทั้งสี่ ร่วมกันชดใช้เงินจำนวน 2.5 ล้านบาทพร้อมดอกเบี้ยร้อยละ 7.5 ต่อปี ให้กับนางสมคิด มารดาของนายจักรกฤษณ์ ผู้ตายด้วย ที่ได้ยื่นคำร้องต่อศาลขอให้จำเลยชดใช้ค่าขาดไร้อุปการะให้กับมารดาที่ต้องเสียบุตรชายไป อย่างไรก็ดีโจทก์ร่วม ก็คงไม่ติดใจอุทธรณ์ในส่วนนี้ืถือว่า ศาลพิพากษามาอย่างเหมาะสมแล้ว