svasdssvasds
เนชั่นทีวี

เศรษฐกิจ

คนอเมริกันกำลังซื้อหด อาหารฟาสต์ฟู้ดยอดขายตกครั้งแรกในรอบ 6 เดือน

07 ธันวาคม 2559
เกาะติดข่าวสาร >> Nation Story
logoline

ท่ามกลางตลาดหุ้นของสหรัฐที่ปรับตัวเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง แต่ในอีกภาคเศรษฐกิจหนึ่งในตลาดร้านอาหารฟาสต์ฟู๊ดซึ่งสะท้อนกำลังซื้อของคนอเมริกันกลับตกต่ำเป็นครั้งแรกในรอบ 6 เดือนลงถึง 1% ในช่วงไตรมาสสามที่ผ่านมา ตรงข้ามกับราคาค่าอาหารฟาสต์ฟู๊ดที่แพงขึ้น จากภาวะดังกล่าวผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อของร้านอาหารฟาสต์ฟู๊ดมีความรู้สึกว่าแนวโน้มของต้นทุนราคาผลผลิตอาหารทางการเกษตร ทั้งข้าวสาลี ข้าว ถั่วเหลือง และข้าวโพด อาจกำลังปรับตัวสูงขึ้นอัตราค่าจ้างแรงงานและเงินเฟ้อที่ปรับตัวสูงขึ้น

1. หุ้นสหรัฐทั้ง 3 ตลาดยังคงปรับตัวสูงขึ้นเมื่อวานนี้ ดาวโจนส์ปืดทำสถิติใหม่สูงสุดเป็นรายวันที่ 19,251 เพิ่มขึ้น 35 จุด หรือ 0.18% S&P 500 ปิดที่ 2,212 บวก 0.34% และ Nasdaq ปิดที่ 5,333 บวก 0.45% ในขณะที่หุ้นยุโรปปรับตัวขึ้นเป็นวันที่สองเฉลี่ย 1.57% หลังมีข่าวว่าธนาคารกลางยุโรป หรือ ECB จะต่ออายุ QE อีก 6 เดือนในปีหน้า

2. นักยุทธศาสตร์ของ ING ในยุโรป คาดการณ์ว่าถึงแม้ก่อนหน้านี้จะมีแรงกดดัน ECB ให้ถอนมาตรการ QE ที่ตะครบกำหนดสิ้นเดือนมีนาคมปี 2017 ก็ตาม แต่ผลประชามติโหวต No ของชาวอิตาลีที่ส่งผลต่ออนาคตของเงินยูโร ถึงแม้ว่าจะปรับตัวสูงขึ้นที่ 1.0767 ดอลลาร์หลังดิ่งลงที่ 1.0505 ดอลลาร์ในวันแรกก็ตาม

3. ฟิทช์ เรทติ้งส์ ปรับลดความน่าเชื่อถือของแบงก์อิตาลีในเชิงลบที่กระทบต่อเสถีรภาพมากขึ้นอีก เนื่องจากความผันผวนที่มากขึ้น และมีคุณภาพสินทรัพย์ที่ด้อยค่าลงมาก และปัญหาความเสี่ยงจากการเมืองที่มีความไม่แน่นอนมากขึ้น ทำให้ฐานะเงินกองทุนของระบบแบงก์มีความเสี่ยงมากขึ้นด้วย ซึ่งก่อนหน้านี้ฟิทช์เคยปรับลดเรทติ้งส์ของประเทศอิตาลีจาก BBB+ เป็นเชิงลบในเดือนตุลาคมที่ผ่านมา โดยราคาหุ้นของแบงก์อิตาลีดิ่งลงมากกว่า 10% ช่วงหลังโหวต No

4. มาร์ก คานีย์ ผู้ว่าการธนาคารกลางอังกฤษ หรือ BOE ออกมาปกป้องการดำเนินนโยบายดอกเบี้ยใกล้ 0% ของบรรดาธนาคารกลางใหญ่ของโลก ว่าไม่ได้เป็นโรบินฮู้ดที่กลับยุคมาปล้นเงินจากคนจนผู้ฝากเงินไปให้กับคนร่ำรวยตามรายงานของ BIS แต่การทำให้ดอกเบี้ยต่ำก็เพื่อทำให้เศรษฐกิจขยายตัวโดยเฉพาะในช่วงที่มีการโหวต Brexit ที่ส่งผลต่อจีดีพีโดยเฉพาะของอังกฤษที่ตกต่ำลง
โดยที่ BOE ประกาศอัตราดอกเบี้ยนโยบายที่ระดับ 0.25% ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดเป็นประวัติการณ์ พร้อมๆ กับการใช้วงเงินในโครงการซื้อพันธบัตรรัฐบาลตามมาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณ (QE) จำนวน 4.35 แสนล้านปอนด์ และเข้าซื้อหุ้นกู้ภาคเอกชนวงเงิน 1 หมื่นล้านปอนด์

5. ทั้งนี้ BIS (Bank For International Settlements) หรือธนาคารเพื่อการชำระเงินระหว่างประเทศ เปืดรายงาน 20 หน้าฉบับล่าสุดระบุคนจนทั่วโลกจนลงในปี 2016 เมื่อเปรียบเทียบกับ 6 ปีก่อน โดยที่ระบุว่าคนรวยที่ทำรายได้เกิน 1 ล้านดอลลาร์ในปี 2010 รวมเป็นมูลค่าความมั่งคั่งสูงถึง 69 ล้านล้านดอลลาร์หรือมีสัดส่วนเพียง 0.5% ของประชากรโลก แต่มาในปี 2016 กลับรวยเพิ่มขึ้นเป็น 116 ล้านล้านดอลลาร์หรือเป็นสัดส่วน 0.7% ของประชากรโลก
ขณะที่คนจนทั่วโลกมีสัดส่วนถึง 73% ในปี 2016 ซึ่งมากกว่าสัดส่วน 68% ในปี 2010 โดยที่คนจนที่ทำรายได้ต่ำกว่าปีละ 10,000 ดอลลาร์ยิ่งจนลงอีก จากมูลค่าความมั่งคั่ง 8.2 ล้านล้านดอลลาร์ในปี 2010 ลดลงเหลือแค่ 6.1 ล้านล้านดอลลาร์ในปี 2016 จึงกลายเป็นความเหลื่อมล้ำระหว่างคนจนกับคนรวยที่มีความถ่างมากเพิ่มขึ้น

logoline