
กระผมเคยอยู่ในเหตุการณ์น้ำท่วมเทศบาลนครหาดใหญ่ จ.สงขลา ครั้งใหญ่ๆอยู่ 2 ครั้ง
ปี 2543 เป็นทั้งผู้ประสบภัยด้วยตัวเองเพราะคืนที่น้ำทะลักเข้าท่วมเมือง กำลังนอนอยู่กลางเมืองหาดใหญ่พอดี เลยได้ทำหน้าที่เป็นผู้นำเสนอภาพข่าวภัยพิบัติครั้งนี้ ไปสู่โลกภายนอกโดยอัตโนมัติ
ปี 2553 เป็นผู้เดินทางเข้าหาน้ำท่วม เลยได้กลายเป็นผู้ประสบภัยอีกครั้ง ด้วยความตั้งใจและต้องการที่จะเข้าทำหน้าที่นำเสนอภาพข่าวเช่นเดียวกับปี 2543
มหาอุทกภัย
น้ำท่วมครั้งใหญ่ที่สุด ของเมืองหาดใหญ่เมื่อปี 2553
ซึ่งคนหาดใหญ่ยังคงจดจำภาพแห่งฝันร้ายในครั้งนั้นได้เป็นอย่างดี
จากฝนที่ตกหนักติดต่อกันมาหลายวันจนถึงวันที่ 2 พฤศจิกายน 2553 ทำให้มวลน้ำจำนวนมหาศาลหลากหลายทิศทางโดยเฉพาะที่เอ่อล้นมาจากคลองอู่ตะเภา ได้ไหลทะลักเข้าท่วมพื้นที่ย่านเศรษฐกิจสำคัญใจกลางเมืองอย่างรวดเร็ว ประชาชนที่กำลังทำงานตามปกติและผู้ที่ไปทำกิจธุระ ต่างขับรถหนีตายออกนอกเมืองแข่งกับกระแสน้ำที่เพิ่มระดับขึ้นทุกขณะกันอย่างโกลาหล ถึงช่วงเย็นเมืองทั้งเมืองจมอยู่ใต้กระแสน้ำที่ขุ่นข้น
แหล่งการค้าย่านธุรกิจ และท่องเที่ยวสำคัญ เช่นตลาดกิมหยง ที่รู้จักกันดีทั้งชาวไทยและต่างประเทศ ระดับน้ำที่วัดได้สูงสุดถึง 3 เมตร เช่นเดียวกับพื้นที่บริเวณใกล้เคียง มูลค่าความเสียหายครั้งนั้นไม่ต่ำกว่าหมื่นล้านบาท
แต่แล้ว
เหมือนมีปาฏิหาริย์
น้ำที่ท่วมอย่างหนักและรวดเร็ว จนตั้งตัวกันแทบไม่ทันในคืนนั้น ก็ค่อยๆลดระดับลงอย่างต่อเนื่องและเข้าสู่ภาวะปกติในวันต่อมา เหลือเพียงเศษซากความเสียหายและระดับน้ำที่ยังคงท่วมขังอยู่บริเวณรอบนอก
เกิดอะไรขึ้น...
หลังจาก ตั้งสติกันได้ ชาวเมืองหาดใหญ่ ต่างยกมือขึ้นท่วมหัว
เมื่อนึกถึงหนึ่งในโครงการพระราชดำริของ พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ที่มีมาตั้งแต่เมื่อครั้งน้ำท่วมใหญ่ ปี 2543
เนื่องจากเมืองหาดใหญ่มีภูมิประเทศเป็นเหมือนแอ่งกระทะที่รองรับน้ำจากหลายพื้นที่ก่อนไหลออกสู่ทะเลอ่าวไทย การหลีกเลี่ยงน้ำท่วมจึงต้องอาศัยการบริหารจัดการน้ำที่ดี
พระองค์ท่านทรงมีสายพระเนตรที่ยาวไกล ได้พระราชทานความเหลือเหลือพสกนิกชาวหาดใหญ่ขึ้นในครั้งนั้น
ด้วยการสร้างคลองระบายน้ำที่1 หรือ ที่ชาวบ้านรู้จักกันดีในนาม คลองร.1 อันเป็นโครงการบรรเทาอุทกภัยอำเภอหาดใหญ่ตามแนวพระราชดำริ อำเภอหาดใหญ่ จังหวัดสงขลาในช่วงปี 2544 ถึง ปี 2550 โดยคลองระบายน้ำสายนี้จะช่วยระบายน้ำได้มากถึง 465 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที
ทำให้อุทกภัยครั้งใหญ่ล่าสุดในปี 2553 อำเภอหาดใหญ่ จ.สงขลา จึงรอดพ้นจากวิกฤติมาได้
เมื่อคลอง .ร.1 ทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพและเป็นรูปธรรมที่ชัดเจน
สามารถมองเห็น และ สัมผัสได้จวบจนทุกวันนี้ ด้วยพระปรีชาสามารถ น้ำท่วมหาดใหญ่ ปี 2553
ผ่านไปแล้ว 7 ปี
ภาพแห่งฝันร้าย
จึงเป็นเพียงแค่ความทรงจำ
ที่หลงเหลืออยู่แค่ในภาพถ่ายเก่าๆ
ซึ่ง กำลังกลายเป็นอดีต
และจะไม่เกิดขึ้นอีกแล้วในอนาคต
แต่สิ่งหนึ่งที่กลายเป็นที่จดจำและซึบซับไปชั่วลูกชั่วหลานของชาวหาดใหญ่คือ ความสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณ
แห่งองค์พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช รัชกาลที่ 9