แท็กซี่น้ำใจงามเก็บเงินและสร้อยไข่มุก มูลค่าเกือบสองล้านคืนนักธุรกิจชาวเยอรมัน

หลังจากนั้นไม่นาน นายไกรสร ทาโพนทัน อายุ 39 ปี คนขับรถแท็กซี่ ได้เดินทางมาพร้อมกับรถแท็กซี่ยี่ห้อ โตโยต้า สีส้ม ทะเบียน ทร 3752 กทม. ซึ่งเป็นของสหกรณ์บวรแท็กซี่ มาถึง สภ.ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ พร้อมนำกระเป๋าสตางค์สีดำภายในบรรจุทรัพย์สินต่างๆ มาส่งมอบคืนให้กับ MR.JOSEE BENJAMIN SAGEMULLER ท่ามกลางบรรยากาศที่เปี่ยมไปด้วยรอยยิ้มและความดีใจของทุกฝ่าย และจากากรตรวจสอบทรัพย์สิน ที่นายไกรสร คนขับแท็กซี่น้ำใจงาม นำมาคือให้ พบว่าทรัพย์สินทั้งหมดยังอยู่ครบทุกอย่าง ประกอบด้วย เงินสดสกุลดอนล่าร์จำนวน1 หมื่นบาท สร้อยคอไข่มุกแท้ มูลค่าไม่ต่ำกว่า 2 หมื่นดอนล่า แหวนไข่มุกแท้มูลค่า 2 หมื่นดอนล่า รวมทรัพย์สินคิดเป็นเงินไทยแล้ว ประมาณหนึ่งล้านเจ็ดแสนบาท

ด้านนายไกรสร คนขับรถแท็กซี่ เปิดเผยว่า หลังจากที่ผู้โดยสารคนดังกล่าวซึ่งเป็นชาวต่างชาติได้ว่า จ้างตนมาจากโรงแรมแห่งหนึ่งในกรุงเทพมหานคร ให้มาส่งที่สนามบินสุวรรณภูมิ ตนจึงได้นำผู้โดยสารคนดังกล่าว มาส่งที่ท่าอากาศยานเสร็จเป็นที่เรียบร้อย ก่อนที่จะขับรถกลับไปที่อู่ เพื่อที่จะส่งคืนรถ ในระหว่างที่ตนกำลังเก็บกวาดทำความสะอาดรถอยู่นั้น ได้พบกระเป๋าสีดำตกอยู่ที่วางเท้า จึงหยิบขึ้นมาดูและพบว่า ภายในมีเงินสดจำนวนมากและถุงผ้าสีฟ้าภายในมีสร้อยและแหวนไข่มุกอยู่
นายไกรสร กล่าวอีกว่า เมื่อพบเช่นนั้น จึงได้ไปแจ้งกับนายสมชาย บรรเรืองทอง เจ้าของอู่รถแท็กซี่ ก่อนที่เจ้าของอู่แท็กซี่จะได้ติดต่อเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบสวน สภ.ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ให้ช่วยติดตามเจ้าของกระเป๋าให้มารับคืน และในระหว่างนั้นได้มีผู้เสียหายเป็นชาวเยอรมันได้เข้ามาร้องขอความช่วยเหลือจากเจ้าหน้าที่ให้ช่วยติดตามทรัพย์ที่ลืมไว้บนรถแท็กซี่พอดี ตนจึงได้รีบนำทรัพย์สินทั้งหมด ที่พบตกอยู่ในรถมาคืนให้กับผู้เสียหาย โดยที่ไม่ได้หวังสิ่งใดตอบแทน นอกจากชื่อเสียงของประเทศและหวังให้เขากลับมาเที่ยวประเทศไทยอีกครั้ง

ด้าน MR.JOSEE BENJAMIN SAGEMULLER กล่าวทั้งรอยยิ้มว่า ตนเองทำธุรกิจเปิดร้านขายสินค้าอยู่ที่ประเทศฟิลิปปินส์กับมารดา โดยก่อนหน้านี้ตนได้เดินทางเข้ามายังประเทศไทยหลายครั้งแล้ว และได้ซื้อสร้อยและแหวนไข่มุกชุดอันนี้กลับไปเป็นของขวัญวันเกิดให้กับมารดา ซึ่งถือว่า เป็นทรัพย์สินที่มีคุณค่าทางจิตใจของตนและมารดามาก และครั้งนี้ที่ตนเดินทางเข้ามาในประเทศไทย ก็เพื่อนำสร้อยและแหวนมาซ่อมให้กับมารดาและกำลังเดินทางไปทำธุรกิจที่เมืองย่างกุ้ง หลังจากที่ซ่อมเสร็จตนจึงว่าจ้างแท็กซี่มาจากหน้าโรงแรมแห่งหนึ่ง ย่านสีลม ให้มาส่งที่สนามบินสุวรรณภูมิในช่วงเช้าของวันนี้ เพื่อที่จะเดินทางกลับประเทศ ระหว่างทางตนเผลอหลับ จนมาถึงสนามบินก็สะดุ้งตื่น และรีบลงจากรถ โดยไม่ทันสังเกตว่า กระเป๋าสตางค์ตกอยู่ในรถ
MR.JOSEE กล่าวอีกว่า เรื่องนี้ทำให้ตนรู้สึกตกใจและเสียดายทรัพย์สินดังกล่าวเป็นอย่างมาก จึงยกเลิกสายการบินและทิ้งตั๋วเครื่องบิน ก่อนที่จะเดินทางมาขอความช่วยเหลือจากเจ้าหน้าที่ตำรวจ ซึ่งตนก็ยอมรับว่า ไม่คาดคิดว่าจะได้คืน หากเป็นที่ประเทศของตนเองจะได้คืนยากมาก แต่พอมาเจอเหตุการณ์แบบนี้ที่ประเทศไทย ตนรู้สึกอบอุ่นใจเป็นอย่างมาก กับน้ำใจของประชาชนชาวไทยที่มีต่อนักท่องเที่ยวทุกคน ต้องขอขอบคุณมากจริง ๆ และยืนยันว่า จะเดินทางกลับมาท่องเที่ยวในประเทศไทยอีกอย่างแน่นอน เพราะประทับใจกับใจของชาวไทยเป็นอย่างมาก