เมื่อวันที่ 5 พฤษภาคม ที่ผ่านมา และกลายเป็นหนึ่งในเรื่องราวดีๆ ของสังคมไทยที่มีการพูดถึงและชื่นชมกันมาก กฤตกร แซ่เอี๊ยบ ผู้ประสานงานเครือข่ายรักษ์อ่าวไทยตอนบน จ.สมุทรสาคร กล่าวว่า คนที่เจอเป็นแรงงานต่างด้าว แล้วเขาก็แจ้งตำรวจ หลังจากนั้นนักข่าวก็ทราบเรื่องก็โทรศัพท์มาสอบถามว่า เจอโลมาตรงไหน ผมก็ติดต่อกับเครือข่ายพอทราบจุด ก็พากันไปดูแล้วก็ช่วยเหลือโลมากลับคืนสู่ทะเล ขณะที่ไปถึงพบแรงงานต่างด้าวกำลังพยายามผลักดันช่วยเหลือให้โลมาลงทะเลไปได้ 1 ตัว เป็นตัวเล็ก โดยช่วยกันอุ้ม แต่ในช่วงขณะนั้นน้ำลง น้ำแห้ง โลมาไม่สามารถว่ายลงน้ำได้
โลมามีแรงมาก ก่อนอื่นเราจะต้องทำให้โลมาไม่เครียด สัญชาตญาณของสัตว์หากเราถูกตัวเขา เขาจะดิ้น ดังนั้น เราก็ใช้เสื้อชุบน้ำแล้วปิดหน้าเขา เขาก็เริ่มสงบ เริ่มนิ่ง ระหว่างรออุปกรณ์ เพราะหากเขาดิ้นมาก จะเหนื่อยมาก รูจมูกจะเปิดก็จะทำให้เลน โคลนเข้าปอด หากเลน โคลนเข้าปอด อัตราการรอดชีวิตก็จะมีน้อยลง อุปกรณ์ที่ใช้ช่วยเหลือ ก็จะมีผ้าเต็นท์อย่างหนา ใช้สำหรับรองตัวโลมาระหว่างเคลื่อนย้าย เพื่อไม่ให้ลำตัวโลมาเป็นแผลเนื่องจากครูดกับเลน เพราะในเลนจะมีสารพัดสิ่งที่จะทำให้เกิดบาดแผลกับโลมา อย่างเช่น เปลือกหอย
นอกจากนี้ ก็มีสกีหรือกระดานถีบ รองใต้ล่างผ้าเต็นท์อีกทีหนึ่ง เพื่อเวลาเข็นจะได้สะดวก โลมาแต่ละตัวมีน้ำหนักประมาณ 150-200 กิโลกรัม ขนาดตัวยาวประมาณ 2 เมตร อายุประมาณ 4-5 ปี คนเดียวอุ้มไม่ไหว ต้องใช้ 4-5 คน ช่วยกันยกโลมาขึ้นผ้าเต็นท์ และช่วยกันพยุงโลมาและเข็นลงทะเล ซึ่งต้องพาไปจนถึงบริเวณที่น้ำลึกพอที่โลมาจะว่ายได้ รวมระยะทางจากจุดที่พบโลมาไปจนถึงจุดที่ปล่อยโลมาได้ ก็ประมาณ 1 กิโลเมตร
การได้รับแจ้งและไปช่วยเหลือครั้งนี้ เป็นไปอย่างรวดเร็ว เพราะหากไปช่วยเหลือช้า โลมาอาจจะเสียชีวิต หรือมีอาการหนัก เนื่องจากขาดน้ำ จะต้องประสานงานหน่วยงานทางด้านนี้ ให้มารับตัวไปรักษาก่อนที่จะปล่อยลงสู่ท้องทะเล
ณรงค์ สรสิทธิสาร ชาวบ้านที่เข้าไปช่วยเหลือครอบครัวโลมา กล่าวว่า ตอนไปถึงเกือบ 09.00 น. วันที่ 5 พฤษภาคม เหลือโลมาอยู่ 4 ตัว อยู่ในสภาพอ่อนเพลีย ดิ้นรนพยายามจะลงน้ำ แต่ไปไม่ได้ เพราะน้ำแห้งมาก
เหนื่อยมาก แต่ก็ภูมิใจที่ได้ช่วยเหลือโลมา ลืมหิวเลย ธเรศ แซ่ลิ้ม ชาวบ้านที่เข้าไปช่วยเหลือครอบครัวโลมา กล่าวว่า พอไปถึงก็โทรบอกพรรคพวกให้นำอุปกรณ์ในการช่วยเหลือ อาทิ ผ้าเต็นท์อย่างหนา มาให้ความช่วยเหลือโลมากลับสู่ท้องทะเล จุดที่พบโลมา สภาพพื้นที่เป็นดินเลน เนื่องจากน้ำลง ซึ่งมีความลึกประมาณ 1 เมตร