
ความคืบหน้ากรณี นางประนอม แดงสุภา อายุ 78 ปี ผู้ก่อตั้งธุรกิจน้ำพริกเผาแม่ประนอม ได้ยื่นฟ้อง นางศิริพร แดงสุภา ลูกสาวคนโต และนายกำธร ประยูรสตางค์ ในข้อหาทำเอกสารปลอม และปลอมลายมือชื่อ ทำการโอนที่ดิน 9 แปลงใน ต.ท่าพระยา อ.นครชัยศรี จ.นครปฐม มูลค่ากว่า 100 ล้านบาท ให้แก่นางศิริพร และเรื่องเพิกถอนนิติกรรมถือกรรมสิทธิ์แทนโอนคืนทรัพย์สินต่างๆ รวมมูลค่าความเสียหาย 561,950,000 บาท ต่อศาลจังหวัดตลิ่งชัน จน ม.ล.ปนัดดา ดิศกุล รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ต้องเข้ามาเป็นคนกลางในการเจรจาไกล่เกลี่ย จนเรื่องจบลงได้ด้วยดี
ล่าสุด นายพิสิษฐ์ ชุติพรพงษ์ชัย ทนายความของนางประนอม เปิดเผยว่า เป็นเรื่องดีต่อทั้งสองฝ่ายที่สามารถปรับความเข้าใจกันได้ ส่วนเรื่องการถอนฟ้องคดีนั้น ยังไม่สามารถทำได้ จนกว่านางศิริพรจะโอนทรัพย์สินคืนให้นางประนอมตามที่ได้ตกลงกันไว้ ได้แก่
1. หุ้นบริษัท พิบูลย์ชัยน้ำพริกเผาไทยแม่ประนอม จำกัด ที่นางประนอมโอนให้นางศิริพร เมื่อปี 2548 จำนวน 18,000 หุ้น
2. ที่ดินโรงงานเก่าที่ตั้งอยู่หมู่บ้านเศรษฐกิจ เนื้อที่กว่า 2 ไร่
3.ที่ดินที่นครชัยศรี จ.นครปฐม 9 แปลง บ้านและที่ดิน 1 ไร่ ที่เขาใหญ่
4.นางศิริพรต้องชดใช้หนี้ที่นางประนอมไปหยิบยืมเงินมาเพื่อซื้อที่ดิน 1 ไร่ เพื่อสร้างร้านอาหารพีเอส เรสเตอรองต์ ตั้งอยู่ถนนพุทธมณฑลสาย 3 แขวงศาลาธรรมสพน์ เขตทวีวัฒนา กทม. ในราคา 20 ล้านบาทเพราะขณะที่นางประนอมออกจากบ้านมาไม่มีเงินติดตัวออกมา
5.นางศิริพรต้องให้เงินเดือนนางประนอมเดือนละ 1 ล้านบาท เป็นค่าใช้จ่ายส่วนตัวด้ว
"ทรัพย์สินที่นางศิริพรต้องคืนให้แก่นางประนอม คิดเป็นร้อยละ 10 ของทรัพย์สินที่มีอยู่ทั้งหมดในตอนนี้ ส่วนที่เหลือร้อยละ 90 นางประนอมยกให้นางศิริพร ส่วนเรื่องคดีความทั้งหมด ถ้านางศิริพรยินยอมทำตามข้อตกลงที่คุยกัน นางประนอมก็จะถอนฟ้องทุกคดี ซึ่งตอนนี้รอให้นางศิริพรประสานมา แต่ตอนนี้ยังไม่ได้รับการประสานมา ซึ่งทรัพย์สินที่กล่าวมาหากนางศิริพรดำเนินการก็เชื่อว่าจะใช้เวลาไม่นาน ทางผมก็รออย่างเดียว เพราะทรัพย์อยู่ที่นางศิริพร" นายพิสิษฐ์ กล่าว
นายพิสิษฐ์ กล่าวอีกว่า ส่วนเรื่องที่นางประนอมจะกลับไปอยู่บ้านกับนางศิริพรนั้น อยู่ระหว่างการพิจารณา เพราะที่ผ่านมานางประนอมก็ยอมรับว่ารู้สึกอึดอัด และเกรงว่าถ้ากลับเข้าไปอยู่แล้วจะไม่เหมือนเดิม
"ผมรู้จักกับแม่ประนอมมานาน คุยกันถึงเรื่องนี้ตลอด ซึ่งแม่ประนอมเป็นห่วงธุรกิจที่ตัวเองสร้างมากับมือ แม้ว่าตอนนี้ธุรกิจดังกล่าวลูกจะเป็นคนบริหารงานก็ตาม ยอมรับว่ายอดจำหน่ายน้ำพริกเผาแม่ประนอมลดลงชัดเจนในช่วงที่มีข่าวฟ้องร้องกันกับลูกสาว โดยเฉพาะในต่างจังหวัดลดลงเยอะ ส่วนใน กทม.ก็มีบางร้านปฏิเสธที่จะรับสินค้าของแม่ประนอม หากปล่อยให้เหตุการณ์แบบนี้เกิดขึ้นต่อไป เกรงว่าธุรกิจจะเสียหาย" นายพิสิษฐ์ กล่าว
ก่อนหน้านี้ นายพิสิษฐ์เคยกล่าวหลังจากที่นางประนอมได้เจรจาตกลงกับนางศิริพร ว่า เมื่อทุกอย่างสามารถตกลงกันได้ด้วยดี ก็จะสามารถดำเนินการเรื่องขอถอนฟ้องได้ตั้งแต่วันที่ 6 เมษายน เป็นตนไป
ด้าน นายทวิชา หวังโภคา ทนายความของนางศิริพร เปิดเผยว่า หลังจากทั้ง 2 ฝ่าย ตกลงกันเป็นที่เรียบร้อย ขณะนี้อยู่ระหว่างการทำหนังสือข้อตกลงยอมความกัน คาดว่าหนังสือฉบับนี้จะเสร็จในวันพรุ่งนี้ (6 เม.ย.) ก่อนที่ทั้ง 2 ฝ่ายจะเซ็นเอกสาร เพื่อยุติปัญหาทุกอย่าง รวมถึงดำเนินการถอนฟ้องทั้งคดีอาญา ที่ศาลจังหวัดนครปฐม และคดีแพ่ง ที่ศาลจังหวัดตลิ่งชัน
"ทั้ง 2 ศาล คำร้องลักษณะเดียวกัน ศาลจังหวัดนครปฐม วันที่ 4 เมษายน ที่ผ่านมา ก็ยุติไป ศาลก็ได้เลื่อนคดีไปและให้ไปเจรจากันเอง ในส่วนศาลตลิ่งชันในวันที่ 11 เมษายน นี้ถ้าไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงก็ต้องมีการไต่สวนคำร้องที่ไปขอยกเลิกการถอนฟ้องที่ได้เคยยื่นไปแล้ว ซึ่งทุกอย่างในตอนนี้ตกลงกันได้ด้วยดี อะไรที่คุณแม่พูดไว้ และนางศิริพรมีเจตนาไว้ตั้งแต่แรก เพียงแต่ว่าที่ผ่านมามีเหตุแทรกซ้อนอะไรก็ขจัดเหตุตรงนั้นออกไป ถึงแม้ตอนนี้คุณแม่ประนอมจะยังไม่กลับมาอยู่บ้านเดียวกัน แต่ในอนาคตจะกลับมาอยู่ด้วยกันอย่างแน่นอน เพราะเป็นเจตนาของคุณแม่ แต่ก่อนหน้านี้ก็อยู่ด้วยกันตลอด ซึ่งเจตนาของคุณแม่ประนอมที่ตกลงกันกับนางศิริพรตั้งแต่แรก นางศิริพรก็ไม่เคยปฏิเสธ อะไรที่คุณแม่ขอก็ได้แบบนั้น" นายทวิชา กล่าว