ป.ป.ส. ขายทอดตลาดทรัพย์สินคดียาเสพติด มูลค่าร่วม 100 ล้าน

นายเพิ่มพงษ์ เปิดเผยว่า การขายทอดตลาดครั้งนี้ เนื่องจากมีทรัพย์สินจำนวนมากที่สามารถยึดได้จากกลุ่มขบวนการค้ายาเสพติด ตามนโยบายที่ พล.อ.ไพบูลย์ คุ้มฉายา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม ที่ได้สั่งการให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ในการปราบปรามยาเสพติด เน้นย้ำการทำลายโครงสร้างเครือข่ายการค้ายาเสพติด และตัดวงจรทางการเงิน รวมทั้งให้เน้นดำเนินการนำผู้เสพเข้ารับการบำบัดรักษา การป้องกันผู้เสพหน้าใหม่ และสกัดกั้นยาเสพติดอีกด้วย
นายเพิ่มพงษ์ กล่าวต่อไปว่า ตั้งแต่ พ.ร.บ.มาตรการปราบปรามผู้กระทำความผิดเกี่ยวกุบยาเสพติด พ.ศ.ศ.2534 บังคับใช้จนปัจจุบันได้มีการสั่งตรวจสอบทรัพย์สินคดียาเสพติดไปแล้ว 31,196 ราย คิดเป็นมูลค่าทั้งสิ้น 17,321 ล้านบาท ศาลได้มีคำพิพากษาถึงที่สุดให้ริบทรัพย์สินที่ทำการตรวจยึดไว้ หรืออายัดไว้ในคดียาเสพติดให้ตกเป็นของกองทุนป้องกันและปราบปรามยาเสพติด รวม 3,705 คดี มูลค่ารวมประมาณ 1,700 ล้านบาท

ทรัพย์สินซึ่งมิใช่เงินสด ที่ตกเป็นของกองทุนฯ จะถูกไปลงทุนจัดหาผลประโยชน์ หรือขายทอดตลาด เพื่อนำเงินและรายได้ดังกล่าวไปใช้ประโยชน์ หรือสนับสนุนในการดำเนินงานป้องกันและแก้ไขปัญหายาเสพติด ช่วยเหลือเจ้าหน้าที่หรือผู้ช่วยเหลือเจ้าหน้าที่ ซึ่งได้รับบาดเจ็บหรือเสียชีวิตจากการดำเนินการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด รวมทั้งสนับสนุนกิจกรรมอื่นที่จำเป็นเพื่อให้บรรลุวัตถุประสงค์ของกฎหมายว่าด้วยมาตรการในการปราบปรามผู้กระทำความผิดเกี่ยวกับยาเสพติด
นายเพิ่มพงษ์ กล่าวอีกว่า การขายทอดตลาดทรัพย์สินในครั้งนี้ เป็นการขายทอดตลาดทรัพย์สินที่ยึดไว้ระหว่างดำเนินคดีตาม พ.ร.บ. มาตรการฯ ซึ่งมีสภาพไม่เหมาะสมในการเก็บรักษา และทรัพย์สินที่ศาลได้มีคำพิพากษาถึงที่สุดให้ริบตกเป็นของกองทุนฯ ประกอบด้วยรถยนต์ จักรยานยนต์ ทองรูปพรรณ เครื่องประดับและอัญมณี กว่า 500 รายการ มูลค่ารวมกว่า 100 ล้านบาท ซึ่งบางส่วนเป็นทรัพย์สินในคดีดัง เช่น คดีนางอร บัวทอง ผู้ผลิตยาบ้ารายสำคัญในพื้นที่โคกสำโรง

ซึ่งถูกจับกุมเมื่อปี 2536 คดีนายประทีป อภิรดีกูล นักค้าเครือข่ายนายไชยรัตน์ แซ่ตัน ถูกจับกุมกลางทะเลอันดามัน พร้อมของกลางยาบ้า จำนวน 7.7 ล้านเม็ด และเฮโรอีน 97 กก. เมื่อปี 2544 คดีนายโกสินทร์ ชูชัย นักค้ายาเสพติดเครือข่ายนายแดง สาดพุ่ม ซึ่งถูกจับเมื่อเดือนพฤษภาคม 2557 ที่ผ่านมา โดยมีไฮไลท์เป็นรถยนต์หรูราคาหลายล้านบาท และรถจักรยานยนต์ขนาดใหญ่ รวมทั้งทองคำและเครื่องประดับ อาทิเช่น1. รถเบนซ์สปอร์ต E-Class ป้ายแดง 2. รถเบนซ์สปอร์ต SLK 3. รถยนต์นิสสัน GTR-R35 ป้ายแดง 4. รถจักรยานยนต์ Harley Davidson 5. รถจักรยานยนต์ Suzuki Hayabusa 6. รถจักรยานยนต์ Yamaha R1 7. รถจักรยานยนต์ Ducati 8. นาฬิกา Rolex
"ในอดีตการดำเนินการปราบปรามขบวนการค้ายาเสพติดจะมุ่งเน้นไปที่การจับกุมผู้ค้ายาเสพติด และตัวยาเสพติดเป็นหลัก แต่ในปัจจุบันเงินหรือทรัพย์สินที่ได้จากการค้ายาเสพติดได้มาโดยง่ายและมีจำนวนมากจึงเป็นแรงจูงใจให้คนกล้าเสี่ยงเข้ามาการกระทำความผิดเกี่ยวกับยาเสพติด และเงินดังกล่าว ยังถูกนำไปใช้ในการพัฒนาเครือข่ายการค้ายาเสพติดให้มีความสลับซับซ้อนยากต่อการปราบปราม

มาตรการยึดอายัดทรัพย์สินที่ได้จากการค้ายาเสพติดจึงเป็นเครื่องมือที่สำคัญในการปราบปรามนักค้ายาเสพติด เพราะเป็นการทำลายแหล่งเงินทุน ตัดท่อน้ำเลี้ยงของขบวนการค้ายาเสพติด และหยุดยั้งการขยายตัวของปัญหายาเสพติด อีกทั้งยังเป็นการเตือนสตินักค้ายาเสพติดทั้งรายใหญ่รายย่อย รวมถึงผู้ลักลอบลำเลียงยาเสพติด ว่าทรัพย์สินที่ได้มาโดยเกี่ยวข้องกับยาเสพติด ท้ายสุดแล้วก็ไม่สามารถใช้ทรัพย์สินได้ และไม่มีเหลือตกไปถึงครอบครัว หรือบุคคลใกล้ชิดได้เลย รวมทั้งผู้เกี่ยวข้องกับนักค้ายาเสพติดก็จะต้องถูกตรวจสอบ และยึดทรัพย์สินเช่นกัน" เลขาธิการ ป.ป.ส. กล่าวเสริม
สำหรับบรรยากาศการประมูลเป็นไปอย่างคึกคักมีประชาชนจำนวนมากที่สนใจเข้าร่วมงาน โดยการประมูลในครั้งนี้ผู้โชคดีที่ประมูลรถได้เป็นคันแรก คือนางสาว ธัญญธร คำมีอายุ 36 ปี อาชีพค้าขาย ซึ่งประมูลรถ รถเบนซ์สปอร์ต อีคลาสรุ่น 250 ป้ายแดง ในราคา 2 ล้าน 4 แสนบาท

โดยนางสาวธัญญธร กล่าวว่า สำหรับการประมูลในครั้งนี้ ถือว่าเป็นครั้งแรกที่ได้ร่วมการประมูล โดยในวันนี้ตั้งใจที่จะมาประมูลทอง แต่เมื่อเห็นรถคันดังกล่าวขับเข้ามาจึงตัดสินใจประมูล ซึ่งโดยปกติชื่นชอบยี่ห้อเมอร์เซเดส-เบนซ์ เป็นการส่วนตัวอยู่แล้ว และเห็นว่าเป็นรถใหม่ป้ายแดงอีกทั้งราคาเมื่อเทียบกับท้องตลาดถือว่าราคาไม่สูงมากนัก