เมื่อเริ่มแรกเข้ามาที่ สถาบันบำราศฯ ยังพบว่ามีผื่นอยู่นิดหน่อย แต่ขณะนี้ผื่นลดลง โดยรวม ถือว่าสบายดี ทั้งนี้ หากดูตามเงื่อนไขอาการโรคติดเชื้ออีโบลา ไม่ถือว่าหญิงรายนี้เข้าข่ายผู้สงสัย แต่ด้วยเหตุที่เกิดความกังวลจึงขอรับการตรวจสอบด้วยตัวเอง
แม้ว่าหญิงรายนี้จะไม่เข้าข่ายว่าต้องสงสัย แต่เมื่อเริ่มต้นกระบวนแล้วก็ต้องดูแลให้ตลอดต่อเนื่อง ซึ่งนอกจากการวัดไข้ ยังได้เจาะเลือดเพื่อตรวจหาเชื้อ ผลการตรวจครั้งแรก เป็นลบ คือ ไม่พบเชื้อ แต่ตามกระบวนการควบคุมโรค จะต้องมีการตรวจยืนยันอีกครั้ง คาดว่าจะตรวจในวันที่ 24 ส.ค.57 และจะแจ้งผลอีกครั้ง อย่างไรก็ตาม ถือว่าไม่มีความวิตกสำหรับเคสนี้นพ.ศุภมิตร กล่าว
นพ.ศุภมิตร กล่าวว่า กระบวนการหลังจากนี้ คณะแพทย์ยังคงติดตามอาการและรอผลการตรวจเลือดครั้งที่ 2 เมื่อได้ผลตรวจเลือดแล้ว จะนำเข้าคณะกรรมการผู้เชี่ยวชาญอีกครั้ง เนื่องจากเคสดังกล่าวเป็นที่สนใจของประชาชน โดยคณะกรรมการฯจะเป็นผู้ตัดสินว่าให้กลับบ้านได้เลยหรือไม่ ซึ่งเมื่อกลับบ้านจะมีกระบวนการเหมือนผู้ที่เดินทางกลับจากประเทศเสี่ยง คือ ให้คำแนะนำทางสุขภาพ และติดตาม สอบถามทางโทรศัพท์ เป็นเวลา 21 วัน
อย่างไรก็ตาม จากข้อมูลทุกแหล่งที่จะสามารถตรวจสอบได้ และการรวบรวมความรู้ล่าสุด ยังยืนยันเหมือนเดิม คือ โรคติดเชื้อไวรัสอีโบลา ติดจากทางเลือด น้ำเหลือง ด้วยการสัมผัสโดยตรง วิธีการติดต่อเหมือนโรคเอดส์ แต่เอดส์เชื้อจะสะสมในร่างกายเป็นเวลานาน ผู้ติดไม่แสดงอาการเจ็บป่วยจึงแพร่เชื้อได้ด้วยการมีเพศสัมพันธ์ แต่ผู้ป่วยอีโบลามักมีอาการหนักมาก และการแพร่เชื้อจึงมักเกิดขึ้นในช่วงผู้ป่วยป่วยหนัก คนเสี่ยงติดโรคจึงมักเป็นบุคลากรทางการแพทย์ สาธารณสุขเท่านั้น คนทั่วไปมีความเสี่ยงน้อย
ด้าน นพ.โอภาส การย์กวินพงศ์ รองอธิบดีกรมควบคุมโรค กล่าวว่า สำหรับสถานการณ์โรคติดเชื้อไวรัสอีโบลา ยอดผู้ป่วยล่าสุดสะสม 2,615 ราย ตาย 1,427 ราย ใน 3 ประเทศ 1 เมือง สถานการณ์การระบาดคงเดิมในรอบสัปดาห์ที่ผ่านมา โดยการระบาดยังคงรุนแรงในประเทศไลบีเลีย และเซียร์ล่าลีโอน ส่วนสถานการณ์ในประเทศไทย
จากเหตุการณ์ที่สื่อให้ความสำคัญ คือ กรณีชาวพม่าที่แวะเปลี่ยนเครื่องที่ประเทศไทย จากการติดต่อข้อมูลตามกฎหมายระหว่างประเทศ ประเทศพม่ายืนยันว่า ชาวพม่ารายดังกล่าวป่วยด้วยโรคมาลาเรีย ปัจจุบันได้รับยาและอาการดีขึ้นแล้ว ส่วนกรณีชาวไนจีเรีย ที่เดินทางเข้าประเทศเวียดนาม พบว่า เป็นกรณีคล้ายๆ ประเทศไทย ผู้ที่ถูกสอบสวนโรค ไม่มีไข้ อาการปกติดี
"สำหรับขวัญกำลังใจของเจ้าหน้าที่ ที่สถาบันบำราศนราดูร ถือว่าปกติไม่ได้มีความวิตกกังวลในการดูแลผู้สอบสวนโรคแต่อย่างใด ซึ่งหากเจ้าหน้าที่ไม่สามารถทำงานได้เต็มที่จะถือเป็นผลเสียต่อผู้ป่วยโดยรวม อย่างไรก็ตาม หญิงรายดังกล่าว ที่รายงานตัวต่อเจ้าหน้าที่ ถือเป็นบุคคลที่เสียสละอย่างมาก เพราะหากเก็บอาการเจ็บป่วยของตนเองเป็นความลับ เมื่อเดินทางไปยังประเทศเสี่ยง หากติดเชื้อขึ้นจริงๆ จะเป็นผลเสียและทำให้เกิดการระบาดในประเทศขึ้น ซึ่งในพื้นที่ที่พบการระบาด ก็พบว่า เกิดจากการที่ผู้ป่วยไม่แจ้งให้เจ้าหน้าที่ทราบ เพื่อควบคุมโรคให้เป็นไปตามมาตรฐาน ความเข้าใจและความพร้อมของสังคมจึงเป็นเรื่องสำคัญอย่างหนึ่งในการควบคุมการระบาดของโรค" นพ.โอภาส กล่าว