ธุรกิจใหม่ รับจ้างทำการบ้าน

ทั้งนี้คิดว่าสาเหตุที่ทำให้เกิดธุรกิจดังกล่าวมาจาก 1 หลักสูตรการศึกษาขั้นพื้นฐาน 8 กลุ่มสาระ มีเนื้อหามาก 2. ครูทั้ง 8 กลุ่มสาระ ต่างคนต่างสอนและให้การบ้านแบบประเดประดังให้เด็ก  โดยทุกคนจะคิดว่าวิชาของตนเองสำคัญและสั่งการบ้านกันเต็มที่ 3.ปัญหาการสอบเข้ามหาวิทยาลัย ทำให้เด็กมุ่งกวดวิชา ขณะที่การเข้ามหาวิทยาลัยก็ต้องใช้คะแนนเฉลี่ยสะสมตลอดหลักสูตรม.ปลาย หรือ จีแพ็กซ์  เด็กต้องหาคนมาช่วยทำการบ้าน และพบว่าปัจจุบันพ่อแม่ไม่สามารถช่วยลูกทำการบ้านได้ เด็กจำเป็นต้องส่งการบ้าน โครงงาน รายงาน ให้ครบ หากส่งตรงเวลาก็จะได้คะแนนดีคะแนนจีแพ็กซ์ก็จะดีไปด้วย
"นักเรียนบางคนเล่าให้ผมฟังว่า ได้ทำงานฝีมือส่งครูด้วยตัวเอง แต่ออกมาไม่ค่อยสวยงาม ครูก็ดุด่าหาว่าทำงานชุ่ย และขว้างผลงานเข้าใส่ ขณะที่เด็กบางคนจ้างคนอื่นทำ ผลออกมาก็สวยงาม กลับได้รับคำชมจากครู และได้คะแนนดี ทั้งที่ๆครูก็ดูออกว่าจ้างคนอื่นทำ ซึ่งผมคิดว่าการสอนและการประเมินผลของครูเป็นสิ่งสำคัญ หากครูคำนึงถึงผลสำเร็จเป็นตัวตั้ง โดยไม่สนใจกระบวนการพัฒนาของเด็ก จะทำให้เด็กขาดกำลังใจ และถ้ารู้ว่าเด็กจ้างคนอื่นให้ทำการบ้าน รายงาน หรืองานฝีมือ แล้วไม่ตักเตือน ลงโทษ จะกลายเป็นการส่งเสริมให้เด็กคอรัปชั่น ขาดคุณธรรมจริยธรรม และสะท้อนว่าสังคมไทยใช้เงินซื้อความสำเร็จ ซึ่งเป็นเรื่องน่าเป็นห่วงมาก" รศ.ดร.สมพงษ์ กล่าวและว่า ผลจากการสั่งการบ้านจำนวนมาก สะท้อนนโยบายของคณะรักษาความสงบแห่งชาติ 
ซึ่ง พล.อ.ประยุทธ์ จันทรโอชา หัวหน้า คสช. กล่าวถึงเรื่องเด็กไทยทำการบ้านมาก เรียนมาก กวดวิชามาก และให้ ศธ.แก้ไข แต่กลับพบว่า สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน ตั้งคณะทำงานมาศึกษาเรื่องนี้และจะเริ่มปรับลดเทอมหน้า ซึ่งเห็นว่า สพฐ.และ ศธ. เปลี่ยนแปลงตนเองช้าเกินไป ควรทำงานให้ฉับไวกว่าที่เป็นอยู่ เราศึกษากันมามากพอแล้ว และถึงเวลาลงมือปฏิบัติทันที  โดยเฉพาะการลดการบ้าน
ซึ่งส่วนกลางสั่งการให้สถานศึกษาทำได้ทันที และให้ผู้อำนวยการโรงเรยีนหารือร่วมกับหัวหน้ากลุ่มสาระทั้ง 8กลุ่ม ให้บูรณาการการให้การบ้านร่วมกัน ก็จะลดปัญหาการให้การบ้านมากเกินไปได้  ทั้งการให้คะแนนเด็กก็ต้องดูกระบวนการพัฒนาของเด็ก และต้องลงโทษเด็กที่จ้างคนทำการบ้านและรายงานส่งครู เพราะตนมั่นใจว่า ครูทุกคนรู้จักลูกศิษย์ตนเอง และดูออกว่ารายงาน หรือการฝีมือชิ้นใดที่นักเรียนทำเองหรือจ้างคนอื่นทำ
รศ.ดร.สมพงษ์ กล่าวด้วยว่า พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวถึงเรื่องการศึกษาในรายการคืนความสุขให้คนในชาติ หลายครั้ง แสดงว่าให้ความสนใจกับการศึกษา และสั่งการให้ศธ.รับไปดำเนินการ แต่เท่าที่เห็น ศธ.ไม่ได้ดำเนินการใดมากนัก ดังนั้นตนเสนอให้กำหนดกรอบเวลาในการเปลี่ยนแปลงด้วยว่า ควรใช้เวลาเท่าไรจึงเห็นผล