svasdssvasds
เนชั่นทีวี

เศรษฐกิจ

ชาวโคราชเตรียมรับรถไฟรางคู่ คาดกระตุ้นเศรษฐกิจ

นครราชสีมา 7 ส.ค. 57 - ชาวโคราชเตรียมรับรถไฟรางคู่ คาดกระตุ้นเศรษฐกิจ ขณะที่อาคารพาณิชย์ผุดขึ้นเป็นดอกเห็ด

หลังจาก คสช. อนุมัติงบประมาณพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านการคมนาคมขนส่งทางราง โดยเน้นที่การพัฒนารถไฟทางคู่รวม 8 เส้นทาง แบ่งเป็นการปรับปรุงโครงสร้างพื้นฐานรถไฟเป็นรถไฟทางคู่โดยใช้รางขนาด 1 เมตร ในเส้นทางรถไฟเดิมในช่วงที่มีปัญหาการคับคั่งของการเดินรถไฟ เพื่อใช้ในการขนส่งสินค้าและการขนส่งผู้โดยสารได้รวดเร็วขึ้น โดยได้เห็นชอบให้มีการเร่งดำเนินการโครงการรถไฟทางคู่ 6 เส้นทางระยะทางรวม 887 กิโลเมตร วงเงิน 127,472 ล้านบาท ได้แก่ เส้นทางชุมทางจิระ - ขอนแก่น วงเงิน 26,007 ล้านบาท, เส้นทางประจวบคีรีขันธ์ - ชุมพร วงเงิน 17,293 ล้านบาท, เส้นทางนครปฐม - หัวหิน วงเงิน 20,038 ล้านบาท, เส้นทางมาบกะเบา - นครราชสีมา วงเงิน 29,855 ล้านบาท, เส้นทางลพบุรี - ปากน้ำโพ วงเงิน 24,842 ล้านบาท และเส้นทางหัวหิน - ประจวบคีรีขันธ์ วงเงิน 9,437 ล้านบาท โดยจะแล้วเสร็จภายในปี 2563 และจะสามารถแก้ปัญหาการเดินรถไฟที่คับคั่งในปัจจุบันเนื่องจากจะสามารถเพิ่มจำนวนการเดินรถได้จาก 268 เที่ยวต่อวัน เป็น 800 เที่ยวต่อวัน
ส่วนอีก 2 เส้นทาง คือ โครงการวางมาตรฐานการเดินรถทางรางใหม่สำหรับอนาคต โดยสร้างรถไฟทางคู่ขนาด 1.435 เมตร   2 เส้นทาง ได้แก่ เส้นทางหนองคาย - นครราชสีมา - ท่าเรือแหลมฉบัง ระยะทาง 737 กิโลเมตร วงเงิน 392,570 ล้านบาท และเส้นทางเชียงของ - เด่นชัย - บ้านภาชี ระยะทาง 655 กิโลเมตร วงเงิน 348,890 ล้านบาท
นายทวิสันต์ โลณานุรักษ์ เลขาธิการหอการค้าภาคตะวันออกเฉียงเหนือ เปิดเผยถึงการอนุมัติงบประมาณ เดินหน้าเมกะโปรเจกต์ของ คสช. ว่า เมกะโปรเจกต์ต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นรถไฟรางคู่ และรถไฟความเร็วสูง ที่เคยมีปัญหาคนคัดค้านจำนวนมาก เกิดจากความไม่เชื่อมั่น และไม่ไว้วางใจรัฐบาล ว่าจะมีการทุจริตหรือไม่ เนื่องจากเป็นโครงการที่ต้องใช้งบประมาณจำนวนมหาศาล อีกทั้งผลงานที่ผ่านมาของรัฐบาลชุดก่อน ก็ปรากฏว่าเคยมีการทุจริตให้เห็นต่อเนื่อง โดยเฉพาะโครงการจำนำข้าว ดังนั้นเมื่อเข้าสู่ยุคที่ คสช.ยึดอำนาจเข้ามาบริหารประเทศ อีกทั้งผลงาน 2 เดือนที่ผ่านมาของ คสช. ก็แสดงให้เห็นแล้วว่ามีความจริงใจที่จะเข้ามาแก้ไขปัญหาบ้านเมืองอย่างจริงจัง ทำให้ประชาชนมีความเชื่อมั่นเพิ่มขึ้นอย่างกว้างขวาง ถึงขนาดมีคนจำนวนมากสนับสนุนให้ พล.อ.ประยุทธ จันทร์โอชา หัวหน้าคณะ คสช. นั่งเป็นนายกรัฐมนตรี จึงเป็นไปได้ว่าโครงการนี้ประชาชนเชื่อมั่นในความสุจริตโปร่งใสของ คสช. สูงมาก ตนจึงเห็นว่ามีความเหมาะสมแล้วที่จะอนุมัติงบประมาณสานต่อโครงการเมกะโปรเจกต์
คสช.อนุมัติงบประมาณเมกะโปรเจกต์เฟสแรก 8.6 แสนล้านบาท และมุ่งเป้ามาที่ภาคตะวันออกเฉียงเหนือเป็นลำดับแรก  ส่งผลให้เศรษฐกิจภาคตะวันออกเฉียงเหนือคึกคัก โดยเฉพาะ ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์   มีการซื้อขายที่ดิน และบ้านจำนวนมาก  กลุ่มธุรกิจค้าปลีกรายใหญ่ อาทิ เซ็นทรัล และเทอร์มินัล 21 ที่ก่อนหน้านั้นเคยตัดสินใจจะเลิกลงทุนก่อสร้างในพื้นที่ จ.นครราชสีมา ก็กลับมาทบทวนใหม่อีกครั้ง และ  กำลังซื้อจากระบบที่ทาง คสช.อนุมัติงบประมาณช่วยเหลือชาวนาจากโครงการจำนำข้าว ก็จะมีการใช้จ่ายหมุนเวียนในระบบเศรษฐกิจมากขึ้น ส่วนผลดีหลังจากดำเนินการเมกะโปรเจกต์เฟสแรกเสร็จ ช่วงปี 2559-2560  คือ การขนส่งสินค้ารวดเร็วขึ้น ลดต้นทุน  ที่ดินรอบโครงการรถไฟรางคู่ รถไฟความเร็วสูงจะปรับตัวสูงขึ้น  ลดอุบัติเหตุ การเสียชีวิต ช่วงเทศกาลต่างๆ ได้มาก  และ การเข้าสู่เออีซีจะทำให้ประเทศไทยเป็นศูนย์กลางอาเซียน นายทวิสันต์  กล่าว
จากการลงพื้นที่ไปสำรวจสถานีรถไฟจิระ อ.เมือง จ.นครราชสีมา ซึ่งเป็นหนึ่งใน 6 ชุมทางรถไฟทางคู่ ที่จะดำเนินการก่อสร้างในเฟสแรก โดยจะปรับปรุงรางขนาด 1 เมตร ในเส้นทางรถไฟเดิม ให้เป็นทางคู่ เส้นทางชุมทางจิระ-ของแก่น วงเงิน 26,007 ล้านบาท ปรากฏว่าบริเวณปากทางเข้าสถานีรถไฟจิระ ได้มีการลงทุนก่อสร้างอาคารพาณิชย์แล้วกว่า 50 คูหา รวมทั้งพื้นที่ใกล้เคียงยังมีการเตรียมลงทุนก่อสร้างอาคารพาณิยช์อีกจำนวนมาก ส่วนประชาชนที่มาใช้บริการสถานีรถไฟแห่งนี้ ต่างก็พูดเป็นเสียงเดียวกันว่า ต้องการให้มีรถไฟทางคู่มานานแล้ว แต่ผ่านมาหลายยุครัฐบาล ก็ยังไม่มีความคืบหน้า   นายบุญเหลือ เลียงโสภา อายุ 62 ปี ชาว จ.ขอนแก่น กล่าวว่า  ใช้บริการรถไฟไป-กลับระหว่าง จ.ขอนแก่น และ จ.นครราชสีมา เป็นประจำ  การเดินทางแต่ละครั้งต้องใช้เวลานานไม่ต่ำกว่า 3 ชั่วโมง ไป-กลับก็ 6 ชั่วโมง ทำให้เสียเวลามาก แต่หากมีรถไฟทางคู่แล้ว ก็หวังว่าจะสามารถช่วยให้การเดินทางรวดเร็วขึ้น และทำให้มีเวลาว่างไปทำธุระอย่างอื่นได้อีกหลายอย่าง นายบุญเหลือ กล่าว
ด้านนาพนมพร กุดเลา อายุ 26 ปี ชาว อ.บัวใหญ่ จ.นครราชสีมา กล่าวว่า การเดินทางด้วยรถไฟในปัจจุบันนี้ ต้องเสียเวลามาก เนื่องจากรถไฟต้องหลบรางให้ขบวนอื่น แต่หากมีรถไฟทางคู่ ก็จะส่งผลให้ไม่ต้องเสียเวลากับการหลบราง สามารถวิ่งได้โดยสะดวก อีกทั้งการขนส่งก็จะสะดวกรวดเร็วมากยิ่งขึ้น จึงเชื่อว่าในอนาคตจะทำให้ชาวจังหวัดนครราชสีมา และจังหวัดใกล้เคียง มีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นกว่าเดิมแน่นอน นายพนมพร กล่าว