พบหมู่บ้านไม่มีไฟฟ้าใช้ 45 ปี ผลกระทบสร้างเขื่อนสิริกิติ์

วันที่ 17 มิถุนายน 2557 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ชาวบ้านจำนวน 12 ครอบครัว ที่บ้านปางผึ้ง หมู่ 10 ต.ท่าปลา อ.ท่าปลา จ.อุตรดิตถ์ ได้ร้องเรียนผ่านสื่อมวลชน เพื่อให้หน่วยงานที่เกี่ยวและมีอำนาจในการตัดสินใจด้านงบประมาณทั้งระดับท้องถิ่น อำเภอและจังหวัด เข้ามาช่วยเหลือ หลังได้รับความทุกข์ยาก เดือนร้อนแสนสาหัส ไม่มีไฟฟ้าใช้เหมือนประชาชนคนทั่วไป มากว่า 40 ปี เนื่องจากไม่ได้รับการเหลียวแล หลังครอบครัวเสียสละที่ดินทำกิน ที่อยู่อาศัยเพื่อการสร้างเขื่อนสิริกิติ์ เพื่อให้คนส่วนใหญ่มีน้ำใช้เพื่อการเกษตร มีกระแสไฟฟ้าใช้อย่างเพียงพอ นางสุปราณี ปาอินทร์ อายุ 48 ปี บ้านเลขที่ 152/1 หมู่ 10 ต.ท่าปลา อ.ท่าปลา จ.อุตรดิตถ์ กล่าวพร้อมปาดน้ำตาในขณะที่นั่งรับประทานอาหารในความมืดกับลูกสาววัย 12 ขวบ ว่า ตั้งแต่ย้ายมาตั้งถิ่นฐานเมื่อปี 2512 จนถึงปัจจุบัน 45 ปี ไม่เคยสัมผัสแสงสว่างจากหลอดไฟ ไม่ได้ดูโทรทัศน์ ไม่มีตู้เย็นใช้ ไม่มีพัดลม น้อยเนื้อต่ำใจ เป็นอย่างยิ่ง ขณะที่ลูกสาวเข้าสู่วัยรุ่น ไปโรงเรียนถูกเพื่อนล้อตลอดเวลา ว่า คนยุคเต่า เรียนหนังสือไม่ทันเพื่อน รู้ไม่ทันยุคสมัย จนทุกวันนี้ไม่อยากไปโรงเรียน ที่สำคัญอยู่กัน 2 คนแม่ลูกมีความเป็นห่วงความปลอดภัยมาก ไปไหนกลางคืนต้องไปด้วยกันตลอด วิงวอนผู้ที่มีอำนาจตัดสินใจ ช่วยเหลือจัดหาไฟฟ้า ชาวบ้าน 12 ครอบครัว อย่านำเรามาทิ้งขว้าง ไหนบอก ?น้ำไหล ไฟฟ้าสว่าง? พาเรามาอดน้ำ อยู่ในความมือ หรือว่าราชการจะยกให้ 12 ครอบครัวนี้เป็นชุมชนอนุรักษ์ใช้ตะเกียง ซึ่งพวกเราไม่ต้องการ ขอแสงสว่าง ขอไฟฟ้าให้คนที่เสียสละเพื่อคนทั้งประเทศได้มีน้ำ มีไฟฟ้าใช้ด้วย นายศรัณย์วุฒิ ศรัณย์เกตุ อดีต ส.ส.อุตรดิตถ์ กล่าวว่า ไม่น่าเชื่อว่ายังจะมีชาวบ้านที่ไม่มีไฟฟ้าใช้ในชีวิตประจำวันอยู่ในพื้นที่จังหวัดอุตรดิตถ์ ซึ่งเป็นแหล่งผลิตกระแสไฟฟ้า และเป็นกลุ่มที่เสียสละเพื่อคนส่วนใหญ่ อยากให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งเข้ามาดูแล ให้ความช่วยเหลือ หากได้มาสัมผัสจะรู้ว่า 12 ครอบครัวนี้ด้อยโอกาสมากแค่ไหน ดร.สุเทพ เลิศศรีมงคล ผอ.เขื่อนสิริกิติ์ กล่าวว่า ทางเขื่อนสิริกิติ์ ไม่ได้นิ่งนอนใจแต่อย่างใด ได้ลงพื้นที่สอบถามรายละเอียดจากทางอำเภอท่าปลา และ อบต.ท่าปลา เบื้องต้นทราบว่าชาวบ้าน 12 ครอบครัวคือลูกหลานของประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากการสร้างเขื่อนสิริกิติ์ ไม่ใช่ผู้ได้รับผลกระทบโดยตรง แต่ทั้งนี้ได้ประสานไปยังการ ไฟฟ้าส่วนภูมิภาค (กฟภ.)ให้ดำเนินการเดินสายไฟฟ้า จากถนนสายหลัก เข้าสู่ชุมชนดังกล่าวประมาณ 2 กิโลเมตร คาดภายในปีนี้ใมีกระแสไฟฟ้าใช้แน่นอน