โวยผู้รับเหมาอืด หวั่นทิ้งงานสร้างพนังกั้นน้ำ

ผู้นำชุมชนและชาวบ้านใน ต.เจ้าท่า อ.กมลาไสย จ.กาฬสินธุ์กว่า 100 คน ชุมนุมประท้วงและเรียกร้องให้กรมทางหลวงชนบทดำเนินการเร่งรัดให้ผู้รับเหมาโครงการก่อสร้างปรับปรุงพนังกันน้ำระยะทางกว่า 37 กม.ครอบคลุม 2 อำเภอ ประกอบด้วย อ.กมลาไสยและ อ.ร่องคำ ซึ่งใช้งบประมาณ 251,270,000 บาท เร่งดำเนินการก่อสร้างให้เสร็จอย่างเร่งด่วน เนื่องปัจจุบันการก่อสร้างไม่มีความคืบหน้า มีเพียงกองดินทิ้งไว้ตลอดระยะทาง ส่งผลให้ชาวบ้านสัญจรผ่านไปมาด้วยความยากลำบาก และเกรงว่าผู้รับเหมาจะทิ้งงานและดำเนินการก่อสร้างไม่แล้วเสร็จทันช่วงหน้าฝนที่จะมาถึง ซึ่งจะทำให้พนังทรุดและทำให้น้ำท่วมใหญ่เหมือนกับปี2554 ที่ผ่านมา      นายสมจันทร์ เหมนุช อายุ 48 ปี ผู้ใหญ่บ้านท่ากลาง ม.8 ต.เจ้าท่า อ.กมลาไสย จ.กาฬสินธุ์ ตัวแทนชาวบ้าน กล่าวว่า การรวมตัวของชาวบ้านครั้งนี้ เพราะปัจจุบันได้รับความเดือนร้อนอย่างมาก เนื่องจากพนังกั้นน้ำระยะทางกว่า 37 กม. ที่ใช้งบประมาณสร้าง 251,270,000 บาท ซึ่งดำเนินการก่อสร้างโดยสำนักก่อสร้างทาง กรมทางหลวงชนบท กระทรวงคมนาคม และได้ว่าจ้างบริษัทเอกชน (บริษัทสมบูรณ์สุข จำกัด)ดำเนินการก่อสร้าง ซึ่งเริ่มทำมาแล้วตั้งแต่เดือนมิถุนายน 2556 ปัจจุบันผ่านไปหลายเดือนแล้ว กลับไม่มีความความคืบหน้า ผู้ดำเนินการก่อสร้างมักง่าย เพราะทำเพียงขุดดินจากไร่นาชาวบ้านขึ้นมากองตามถนนยาวตลอดทาง ไม่มีการบดอัด หรือไถ่ ส่งผลให้ชาวบ้านที่สัญจรผ่านไปมายากลำบาก และเกรงว่าผู้รับเหมาจะทิ้งงานและก่อสร้างไปไม่แล้วเสร็จทันหน้าฝนหากการก่อสร้างช้าไม่คืบหน้าเช่นนี้ชาวบ้านเกรงว่าจะทำให้พนังกั้นน้ำพังทลายหรือไม่ก็ทรุดลง ซึ่งจะทำให้ปริมาณน้ำแม่น้ำชีไหลทะลักเข้าท่วมบ้านเรือนและไร่นาของชาวบ้านหลายหมื่นไร่อีกครั้งเหมือนกับปี 2554 ที่ผ่านมา อย่างไรก็ตามการขุดดินขึ้นมากองทิ้งไว้ข้างถนน โดยที่ไม่มีการไถ่หรือบดอัด นอกจากจะทำให้ถนนแคบสัญจรลำบากและเสี่ยงที่จะเกิดอุบัติเหตุแล้ว ยังทำให้เกิดฝุ่นตลบตลอดทาง ส่งผลกระทบต่อสุขภาพของชาวบ้านอีกด้วย โดยเฉพาะผู้สูงอายุ เด็ก คนชรา และผู้มีโรคประจำตัว ซึ่งล้มป่วยเป็นโรคทางเดินหายใจ เป็นโรคภูแพ้แล้วหลายราย ดังนั้นชาวบ้านจึงร่วมกันชุมนุมเรียกร้องให้หน่วยที่เกี่ยวข้อง โดยเฉพาะกรมทางหลวงชนบท ซึ่งเป็นผู้รับผิดชอบโครงการโดยตรงดำเนินการเร่งรัดให้ผู้รับเหมาเร่งก่อสร้างให้เสร็จตามกำหนดและทันเวลาด้วยก่อนเดือนสิงหาคม 2557 ซึ่งเป็นช่วงน้ำหลาก เพราะหากปล่อยไว้ชาวบ้านก็จะได้รับความเดือนมากขึ้นเรื่อยๆ            ด้านนางศรีจันทร์ สุทรวัฒน์ อายุ 59 ปี ชาวบ้านท่ากลาง กล่าวว่า ปกติตนก็มีโรคประจำตัวคือโรคไตอยู่แล้ว แต่จากการเดินทางผ่านไม่มาถนนพนังกั้นน้ำเส้นนี้ปล่อยครั้ง ปัจจุบันทำให้ตนป่วยเป็นโรคภูมิแพ้เพิ่มขึ้น เพราะสูดดมฝุ่นเข้าไปทุกวัน นอกจากนี้ยังมีเพื่อนบ้าน ซึ่งเป็นผู้สูงอายุป่วยเป็นโรคทางเดินหายใจและภูมิแพ้อีกหลายราย จึงต้องการให้หน่วยงานที่รับผิดชอบดำเนินการสร้างพนังให้แล้วเสร็จ ก่อนที่จะมีคนล้มตายจากฝุ่นในการสร้างพนังครั้งนี้