
ในปี 2568 ค่าเงินบาทกลายเป็นหนึ่งในสกุลเงินที่แข็งค่ามากที่สุดในภูมิภาค ทั้งที่ภาพรวมเศรษฐกิจไทยยังฟื้นตัวอย่างเปราะบาง ความเคลื่อนไหวดังกล่าวไม่เพียงสะท้อนแรงเงินทุนระยะสั้น แต่ยังทำให้หน่วยงานด้านนโยบายเริ่มตั้งคำถามถึง “ที่มา” ของความแข็งค่าที่เกิดขึ้น
1 ในประเด็นสำคัญคือ บทบาทของธุรกรรมซื้อขายทองคำ ซึ่งส่งผลต่อการไหลของเงินตราต่างประเทศ และอาจเป็นตัวเร่งให้ค่าเงินบาทแข็งค่าเร็วกว่าปัจจัยพื้นฐาน
ตารางการเปลี่ยนแปลงค่าเงินตั้งแต่ต้นปี 2568 ชี้ให้เห็นว่า ค่าเงินบาทอยู่ในกลุ่มสกุลเงินที่แข็งค่ามากที่สุด เมื่อเทียบกับทั้งประเทศพัฒนาแล้วและประเทศในเอเชีย
ตารางที่ 1 : การเปลี่ยนแปลงค่าเงินสำคัญ ปี 2568 (YTD)
|
สกุลเงิน |
การเปลี่ยนแปลง (%) |
|
เงินบาท (THB) |
แข็งค่ามากกว่า 8% |
|
ดอลลาร์ไต้หวัน |
+4.3% |
|
ดอลลาร์สิงคโปร์ |
+5.2% |
|
ยูโร |
+12.7% |
|
ปอนด์สเตอร์ลิง |
+6.6% |
|
เงินเยนญี่ปุ่น |
+2.0% |
|
เงินวอนเกาหลี |
อ่อนค่า -0.1% |
|
รูเปียห์ อินโดนีเซีย |
อ่อนค่า -3.3% |
ภาพรวมสะท้อนว่า เงินบาทแข็งค่ามากกว่าหลายประเทศที่มีเศรษฐกิจขยายตัวแข็งแรงกว่า
ข้อมูลในอินโฟกราฟิกชี้ว่า ธุรกรรมซื้อขายทองคำมีสัดส่วนสูงต่อ FX Flow โดยเฉพาะในช่วงที่ราคาทองคำโลกผันผวน ทำให้เกิดการขายเงินตราต่างประเทศและแปลงกลับเป็นเงินบาทจำนวนมากในระยะสั้น
ตารางที่ 2 : บทบาทธุรกรรมทองคำต่อกระแสเงิน (FX)
|
ประเด็น |
สถานการณ์ที่พบ |
|
สัดส่วนธุรกรรมทองคำ |
สูงในบางช่วงของตลาด FX |
|
ลักษณะเงินทุน |
ระยะสั้น ไม่ผูกกับเศรษฐกิจจริง |
|
ผลต่อค่าเงินบาท |
แข็งค่าเร็ว ผันผวนสูง |
|
ความเสี่ยง |
ค่าเงินไม่สะท้อนพื้นฐาน |
สถานการณ์นี้ทำให้ค่าเงินบาทเคลื่อนไหวแรงกว่าประเทศอื่น แม้การส่งออก การลงทุน และการบริโภคภายในประเทศยังไม่ได้ฟื้นตัวในระดับเดียวกัน
เมื่อพิจารณาควบคู่กับตารางฉายภาพเศรษฐกิจ จะเห็นความไม่สมดุลชัดเจนระหว่าง “ค่าเงิน” กับ “ความแข็งแรงของเศรษฐกิจ”
ตารางที่ 3 : ภาพรวมเศรษฐกิจไทย ปี 2568
|
ตัวชี้วัด |
ภาพสะท้อนจากข้อมูล |
|
การเติบโตเศรษฐกิจ |
อยู่ในระดับต่ำ จากอดีต 7% เป็นราว 2.2% |
|
Potential GDP |
เหลือ 2.7% |
|
เงินเฟ้อ |
อยู่ในกรอบต่ำ |
|
การส่งออก |
ฟื้นตัวช้า |
|
อุตสาหกรรม |
ยังไม่กลับสู่ระดับก่อนวิกฤต |
ค่าเงินบาทที่แข็งในบริบทนี้ กลายเป็นแรงกดดันซ้ำต่อภาคเศรษฐกิจจริง โดยเฉพาะผู้ส่งออกและการท่องเที่ยว ซึ่งต้องเผชิญต้นทุนที่สูงขึ้นและความสามารถในการแข่งขันที่ลดลง
การแข็งค่าของเงินบาทจากธุรกรรมที่ไม่สะท้อนเศรษฐกิจจริง ทำให้ ธนาคารแห่งประเทศไทยและกระทรวงการคลัง ต้องประสานงานเพื่อ
โจทย์สำคัญไม่ใช่การแทรกแซงค่าเงินโดยตรง แต่คือการดูแลไม่ให้เงินบาท “แข็งเกินศักยภาพเศรษฐกิจ”
ตัวเลขในปี 2568 กำลังบอกว่า เงินบาทแข็งค่าจากโครงสร้างตลาดการเงิน มากกว่าความแข็งแรงของเศรษฐกิจจริง หากไม่บริหารจัดการอย่างระมัดระวัง ค่าเงินที่แข็งเกินไปอาจกลายเป็นอุปสรรคต่อการฟื้นตัว มากกว่าจะเป็นสัญลักษณ์ของเสถียรภาพ ในวันที่เศรษฐกิจไทยยังต้องการแรงประคอง เสถียรภาพค่าเงิน สำคัญกว่าค่าเงินที่แข็งเร็ว