"สีหศักดิ์" เผยถกร่วมกัมพูชา-จีน บรรลุผลตามความคาดหวัง

นายสีหศักดิ์ พวงเกตุแก้ว รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ เปิดเผยภายหลังการหารือ 3 ฝ่าย ร่วมกับนายหวัง อี้ รัฐมนตรีต่างประเทศสาธารณรัฐประชาชนจีน และนายปรัก สุคน รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศกัมพูชา ซึ่งประเทศจีน เป็นเจ้าภาพการหารือ ที่มณฑลยูนนาน เมืองยวี๋ซี สาธารณรัฐประชาชนจีนว่า การประชุมเป็นไปด้วยดี และฝ่ายไทย ก็ถือว่า บรรลุผลตามที่ฝ่ายไทยคาดหวัง เพราะบทบาทของฝ่ายจีนไม่ใช่การแทรกแซง แต่เป็นการอำนวยความสะดวก ให้ไทยได้พบกัมพูชา และสิ่งใดที่ฝ่ายจีนสนับสนุนได้ ก็ให้การสนับสนุน แต่ก็ต้องขึ้นอยู่กับทั้ง 2 ฝ่าย ดังนั้น ในการหารือครั้งนี้ จีนจึงอำนวยความสะดวกเพียงสถานที่ และการให้ได้พบกันระหว่างไทย-กัมพูชา ที่ประเทศไทยได้ยืนยันตลอดว่า ท่าทีการแก้ไขปัญหา จะต้องเป็นไปเพียง 2 ฝ่าย ไทย-กัมพูชา แม้จะมีประเทศที่ 3 แสดงความปรารถนาดี แต่ก็เป็นเรื่องที่ไทย-กัมพูชา จะต้องแก้ไขปัญหาให้ได้

นายสีหศักดิ์ ระบุว่า ขณะนี้ มีข้อตกลงหยุดยิงแล้ว ไทยต้องการให้การหยุดยิงมีความยั่งยืน และปฏิบัติตามข้อตกลง ไม่ให้เกิดเหตุในพื้นที่ ชิงความได้เปรียบ หรือยั่วยุ เพื่อสร้างความไว้เนื้อเชื่อใด รวมถึงการเก็บกู้ทุ่นระเบิดที่หทยให้ความสำคัญ ซึ่งหากสามารถปฏิบัติตามข้อตกลงหยุดยิงให้มีความยั่งยืน ไทย-กัมพูชา ก็จะมาพูดคุยถึงการเดินหน้าความสัมพันธ์ต่อไป อย่างเป็นขั้นเป็นตอน แต่ตอนนี้ ประเทศไทยย้ำถึงความจริงใจผ่านการหยุดยิงอย่างยั่งยืน หลังจากนั้น จะต้องดำเนินการสร้างความไว้เนื้อเชื่อใจระหว่างกัน ไม่ให้เกิดเหตุชายแดน หรือนำไปสู่เหตุรุนแรง โดยนำความปลอดภัย และความมั่นคงกลับไปสู่ชายแดน เพื่อให้ประชาชน ทั้ง 2 ประเทศใช้ชีวิตปกติ จากนั้น มาพิจารณาถึงก้าวต่อไปว่าจะเป็นอย่างไร ทั้งการลดความเผชิญหน้า ลดกำลังทหารทั้ง 2 ฝ่าย ลดอาวุธหนัก การเก็บกู้ทุ่นระเบิด การปราบปรามอาชญากรรมข้ามชาติ โดยเฉพาะสแกมเมอร์ ที่มีผลกระทบทั่วโลก รวมถึงเดินหน้าการปักปันเขตแดนตามกลไก JBC ไทย-กัมพูชา และการปรับความสัมพันธ์ระหว่างกัน โดยจะไม่มีการเร่งรัดใด ๆ แต่จะต้องเป็นไปตามความพร้อม เพื่อสร้างความไว้เนื้อเชื่อใจ ให้สามารถเดินหน้าได้ความมั่นใจ

ส่วนข้อตกลงหยุดยิง ในช่วงแรกจะต้องทำให้ได้ใน 72 ชั่วโมงใช่หรือไม่นั้น นายสีหศักดิ์ ยืนยันว่า 72 ชั่วโมงและจะต้องไปอีก และหลังจากนั้น ประเทศไทยจะส่งคืนเชลยศึกชาวกัมพูชา จำนวน 18 คน ซึ่งประเศไทยจะดำเนินการผ่านคณะกรรมการกาชาดสากล เป็นสักขีพยานเพื่อรับรองว่า ในห้วงการดูแลโดยฝ่ายไทย เชลยได้รับการดูแลอย่างดี และจะให้กัมพูชา พิจารณาอำนวยความาสะดวกชาวไทย ที่ยังตกค้างในปอยเปต ที่ต้องการเดินทางกลับประเทศ ก็ขอให้ได้เดินทางกลับด้วยความปลอดภัย 

 

ส่วนการพูดคุย 3 ฝ่ายซึ่งมีกัมพูชาด้วย ยังมีข้อกังวลใด ๆ หรือไม่นั้น นายสีหศักดิ์ ระบุว่า มีความเห็นตรงกัน ที่กระบวนการต่าง ๆ ต้องใช้เวลา ก้าวกระโดดจากความขัดแย้ง ไปสู่ความสัมพันธ์เหมือนเดิมโดยทันทีไม่ได ต้องปฏิบัติตามข้อตกลง สร้างความไว้เนื้อเชื่อใจ ใช้ความจริงใจต่อกัน และขั้นต่อไป จะเป็นไปตามพลวัตร 

 

นายสีหศักดิ์ ยังยืนยันว่า ในการพูดคุยกันนั้น ยังไม่มีการพูดคุยถึงการเปิดด่านพรมแดน ซึ่งถือเป็นขั้นตอนต่อไป จะต้องรอให้การหยุดยิงมีความยั่งยืน ก่อนเริ่มดำเนินการในขั้นตอนต่อไป 

 

ส่วนบทบาทของประเทศจีนจากนี้ไปจะเป็นอย่างไรนั้น นายสีหศักดิ์ ย้ำว่า ฝ่ายจีน ได้ย้ำว่า ฝ่ายจีนพร้อมให้ความช่วยเหลือ แต่จะไม่แทรกแซง และพยายามเข้าใจบทบาทหน้าที่ของแต่ละฝ่าย ไม่ได้ต้องการชี้นำการดำเนินการ เพราะการชี้นำความตกลงโดยประเทศที่ 3 จะไม่มีความยั่งยืน และเป็นโอกาสที่ดีที่ตนได้พูดคุยกับรัฐมนตรีตรีต่างประเทศกัมพูชาอย่างตรงไปตรงมา ก่อนการหารือ 3 ฝ่าย และแถลงข่าวสรุปผลการประชุมร่วมกัน ไม่สร้างความได้เปรียบฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง เพื่อเป็นแนวทางเดินหน้าต่อไป  

 

นายสีหศักดิ์ ยังเปิดเผยความเป็นไปได้ในการนัดพูดคุยกับรัฐมนตรีต่างประเทศกัมพูชา เมื่อถึงจุดหนึ่ง และมีความยั่งยืนในการหยุดยิง สถานการณืชายแดนมีความมั่นคงปลอดภัย ก็อาจจะมีการพูดคุย เพื่อวางแนวทางการเดินหน้าร่วมกันต่อไป 

 

ส่วน Joint Declearation ที่ได้ลงนามร่วมกันกับกัมพูชา ที่กรุงกัวลาลัมเปอร์ โดยมีสหรัฐฯ เป็นสักขีพยานนั้น นายสีหศักดิ์ ย้ำว่า รายละเอียดในการพูดคุยกัน ก็อยู่ใน JD ทั้งการหยุดยิง การเก็บกู้ทุ่นระเบิด และก้าวต่อไปก็จะเป็นการปราบสแกมเมอร์

 

นายสีหศักดิ์ ยังย้ำว่า บทบาทของสหรัฐฯ และจีน ต่อสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา เป็นการอำนวยความสะดวก เพื่อให้เกิดการพูดคุยระหว่างไทย-กัมพูชา แต่ในการพูดคุยนั้น ฝ่ายจีนไม่ได้ชี้นำ ซึ่งจีนอยากแสดงบทบาทในฐานะประเทศที่มีความสัมพันธ์ที่ดีระหว่าง 2 ประเทศ ไม่ได้แทรกแซง และฝ่ายไทย ก็ได้ขอให้เป็นไปตามจังหวะ ไม่ใช่จากแรงกดดันจากประเทศที่ 3 ซึ่งไม่ได้เกิดประโยชน์ 

ส่วนจากนี้ยังมีข้อกังวลในเชิงภูมิรัฐศาสตร์จุดยืนไทยบนเวทีโลกหรือไม่นั้น นายสีหศักดิ์ ระบุว่า ปัญหาไทย-กัมพูชา แม้ที่ผ่านมา ฝ่ายกัมพูชา จะพยายามใช้แรงกดดันจากประชาคมโลก แต่ฝ่ายไทยย้ำตลอดว่า จะต้องเป็นไปตามกลไกทวิภาคี และหลังจากนี้ ก็เป็นสิ่งที่ไทย-กัมพูชา พูดคุยกัน 2 ฝ่ายตามกลไกที่มี และตามจังหวะเวลา พร้อมมองว่า ฝ่ายไทย ได้เดินทางมาถูกทางแล้ว เหลือเพียงประเด็นที่ต้องมีการพูดคุยกันเพื่อดำเนินการต่อไป