svasdssvasds
เนชั่นทีวี

การเมือง

ก้าวไกลแนะรัฐให้ถามตัวเองทำไมถึงม็อบชุมนุมบ่อย

25 พฤศจิกายน 2563
เกาะติดข่าวสาร >> Nation Story
logoline

"ก้าวไกล" ซัดรัฐบาลควรย้อนถามตัวเองทำไม่ม็อบต้องออกมารวมตัว พร้อมเรียกร้องจัดการกลับกลุ่มชุมนุมให้เป็นไปตามหลักสากล ไม่ปฏิบัติสองมาตรฐาน ปัดเด็กพรรคร่วมม็อบแต่เข้าสังเกตการณ์เจ้าหน้าที่รัฐ

25 พฤศจิกายน 2563 นายวิโรจน์ ลักขณาอดิศรส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล แถลงท่าทีต่อสถานการณ์การชุมนุมของกลุ่มคณะราษฎรวันนี้ (25พ.ย.) ว่า ต้องยอมรับประชาชนทุกคนมีสิทธิจะชุมนุมร้องเรียนต่อรัฐบาล และจัดการชุมนุมสาธารณะได้ ต้องยืนยันว่าไม่มีการชุมนุมที่เรียกร้องกับรัฐบาลใด จะจงใจมาก่อเหตุความรุนแรงแต่แรก เว้นแต่รัฐบาลได้สร้างเงื่อนไข ยั่วยุให้เกิดความรุนแรง หรือเพิกเฉยต่อข้อเรียกร้องของกลุ่มผู้ชุมนุมอย่างไม่แยแส

ทั้งนี้ ไม่ว่าจะเป็น 1.สร้างเงื่อนไขต่อการชุมนุมอย่างไม่เป็นธรรม 2 มาตรฐาน กลุ่มหนึ่งทำได้ อีกกลุ่มทำไม่ได้หรือมีข้อจำกัด 2.มีการทำนิติสงครามกับผู้ชุมนุม บังคับใช้กฎหมายอย่างเลือกปฏิบัติ จับกุมตัวแทนยัดข้อหาร้ายแรงต่างๆ รวมถึงกลั่นแกล้งด้วยการจับกุมซ้ำไปซ้ำมา คุกคามตัวแทนผู้ชุมนุมยามวิกาลมาโดยตลอด 3.พบว่ารัฐบาลมีการใช้ความรุนแรงกับผู้ชุมนุมก่อน ทั้งที่ผู้ชุมนุมไม่ได้ส่งสัญญาณว่าจะก่อจราจล

นอกจากนี้ 4.มีการอ้างไม่ปฏิบัติตามคำสั่งของเจ้าหน้าที่ของกลุ่มผู้ชุมนุมบางคน ซึ่งไม่ได้เข้าข่ายเป็นการก่อจราจล แค่การไม่ปฏิบัติตามคำสั่งเพียงเล็กน้อยเท่านั้น รวมทั้งใช้เหตุการณ์หนึ่งมาเหมารวมประชาชน เพื่อเป็นเหตุมาใช้ความรุนแรงต่อกลุ่มผู้ชุมนุมในลักษณะที่เกินสัดส่วนแบบเหมารวม และที่สำคัญพบเอกสารทางราชการมากมาย มีการเกณฑ์ประชาชนมายั่วยุผ่านปฏิบัติการณ์ IO มีการปลุกปั่นความเกลียดชังให้กับประชาชน ซึ่งล้วนแล้วแต่เป็นฝ่ายรัฐบาลสรรสร้างทั้งสิ้น

"จริงๆแล้วผู้ชุมนุมคือเหยื่อ โดยที่รัฐบาลไม่เคยรับผิด ทั้งๆที่เป็นผู้สร้างเงื่อนไขความรุนแรงขึ้นเอง และความไม่อดทนอดกลั้นที่รัฐพึงจะมี แต่กลับออกมาบอกกับประชาชน ว่าออกมาชุมนุมบ่อยๆ จะเป็นการทำให้คนอื่นเดือดร้อน ทั้งๆที่รัฐบาลควรจะต้องตั้งคำถามกับตัวเองว่า ประชาชนจะออกมาชุมนุมซ้ำทำไม ถ้ารัฐจัดหาพื้นที่ปลอดภัยเพื่อพูดคุย รับข้อเรียกร้องมาพิจารณาอย่างสมเหตุสมผล และตอบรับอย่างใส่ใจ สิ่งที่เกิดขึ้นเพราะรัฐไม่เคยสำเหนียกว่าตัวเองเป็นต้นตอของปัญหา กลับโทษแต่ประชาชน"นายวิโรจน์กล่าว

อย่างไรก็ตาม พรรคขอเรียกร้องให้รัฐบาลจัดการชุมนุมให้เป็นไปตามหลักสากลอย่างแท้จริง โดยเฉพาะยุติการใช้นิติสงคราม การใช้กฎหมายกับประชาชนอย่างเลือกปฏิบัติ ยุติการยั่วยุด้วยขบวนการ IO รวมทั้งยุติกระบวนการเกณฑ์คน เพื่อหมายให้เกิดการปะทะกับประชาชนแบบม็อบชนม็อบ เพื่อให้ได้ใช้กฎหมายพิเศษ คือ อัยการศึก เข้ามาจัดการประชาชนโดยไม่คำนึงถึงหลักนิติรัฐ และหากมีการทำรัฐประหารเกิดขึ้นขณะเดียวกัน หรือใช้กฎหมายแบบไม่สมเหตุผล มีแต่จะพาประเทศไปสู่กาลวิบัติสังคมขัดแย้งร้าวลึก เกิดการล่มสลายทางเศรษฐกิจ เกิดความเดือดร้อนต่อประชาชนทุกหย่อมหญ้า และประเทศไทยจะถูกขีดฆ่าทิ้งจากอารยประเทศ ซึ่งจะไม่ยอมให้เกิดการรัฐประหาร และเกิดการใช้กฎหมายแบบไร้เหตุผลอีกแล้วอย่างไรก็ตาม เมื่อถามว่า การที่ภาคีเครือข่ายปกป้องสถาบันมายื่นเรื่องต่อประธานรัฐสภา ให้ตรวจสอบส.ส.ที่ร่วมชุมนุมกับคณะราษฎร โดยอ้างชื่อหลักเป็น ส.ส.พรรคก้าวไกล นายวิโรจน์ กล่าวว่า ส.ส.เป็นผู้แทนราษฎร ทุกครั้งที่ไปสังเกตการณ์ชุมนม จะดูว่าเจ้าหน้าที่รัฐปฏิบัติกับผู้ชุมนุมเป็นไปตามหลักสากลและเป็นธรรมหรือไม่ ต้องการให้ทุกอย่างเป็นไปตามหลักสิทธิมนุษยชน นี่คือหน้าที่ของผู้แทน ที่สำคัญไม่เคยขึ้นเวที เหมือน ส.ส.รัฐบาล ไม่เคยมีพฤติกรรมยั่วยุปลุกปั่น ไม่เคยใช้ไมค์ผู้ชุมนุมไปปลุกปั่นยั่วยุใคร แต่ครองตนในฐานะผู้แทนราษฎรพิทักษ์สิทธิประชาชน

ด้านพล.ต.ต.สุพิศาล ภักดีนฤนาถรองหัวหน้าพรรคก้าวไกล ในฐานะหัวหน้าคณะติดตามการชุมนุมของนักศึกษาและประชาชน กล่าวว่า พรรคก้าวไกลมีการมอนิเตอร์เหตุการณ์ และมีการลงพื้นที่ภาคสนาม โดย ส.ส.ของพรรคด้วย ซึ่งการชุมนุมในวันนี้ (25พ.ย.) ก็เช่นกัน โดยสิทธิเสรีภาพของการชุมนุมเป็นของปวงชนชาวไทยอย่างชัดเจน ไม่ใช่จัดเครื่องมากีดขวางประชาชน ผู้ชุมนุมมีเจตนาชัดเจนว่า ไม่ต้องการให้เกิดการปะทะหรือเกิดประเด็นทางการเมืองให้รัฐบาลหยิบยกไปใช้เป็นเครื่องมือในการดำเนินการ



logoline