(12 ตุลาคม 2563) นายอนุชา บูรพชัยศรี โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า จากกรณีพายุหลิ่นฟา ซึ่งได้เคลื่อนตัวเข้าประเทศเวียดนาม และคาดว่าน่าจะมีผลกระทบต่อประเทศไทยนั้น เกี่ยวกับเรื่องนี้ พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ได้สั่งให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับสถานการณ์สภาพอากาศ ทั้งจังหวัด และการบรรเทาสาธารณภัย ให้เตรียมความพร้อมรับมือกับพายุลูกใหม่ ที่คาดว่าจะมีกำลังแรง และส่งผลกระทบต่อประชาชนในหลายพื้นที่ ตามที่กรมอุตุนิยมวิทยาได้ออกประกาศเตือนภัยเอาไว้
ทั้งนี้ พายุระดับดีเปรสชัน "หลิ่นฟา" ได้อ่อนกำลังลงเป็นหย่อมความกดอากาศต่ำกำลังแรง บริเวณเมืองอัตตะปือ ประเทศลาวแล้ว ทำให้ทางด้านตะวันออก และตอนล่างของภาคตะวันออกเฉียงเหนือ จะมีปริมาณฝนเพิ่มมากขึ้น โดยจะมีฝนตกหนักบางแห่ง อาทิ บริเวณจังหวัดมุกดาหาร ร้อยเอ็ด ยโสธร อำนาจเจริญ อุบลราชธานี ศรีสะเกษ สุรินทร์ บุรีรัมย์ และนครราชสีมา
สำหรับมรสุมตะวันตกเฉียงใต้ที่พัดปกคลุมทะเลอันดามัน ประเทศไทย และอ่าวไทยมีกำลังแรง ลักษณะเช่นนี้ทำให้ ภาคกลางตอนล่าง รวมทั้งกรุงเทพมหานครและปริมณฑล ภาคตะวันออก และภาคใต้ตอนบน มีฝนตกต่อเนื่องและมีฝนตกหนักบางแห่ง ขอให้ประชาชนบริเวณดังกล่าวระวังอันตรายจากฝนตกหนักและฝนตกสะสม ซึ่งอาจทำให้เกิดน้ำท่วมฉับพลันและน้ำป่าไหลหลากได้
อนึ่ง พายุระดับดีเปรสชัน บริเวณทะเลจีนใต้ตอนบน มีแนวโน้มจะทวีกำลังแรงขึ้นเป็นพายุโซนร้อน ในระยะต่อไป คาดว่า จะเคลื่อนเข้าใกล้เกาะไหหลำในช่วงวันที่ 13 14 ตุลาคม 2563
นอกจากนี้ นายกรัฐมนตรี ยังได้กำชับและสั่งการให้หน่วยงาน และเจ้าหน้าที่ฯ ทุกภาคส่วน เตรียมรับมือและป้องกันเพื่อไม่ให้เกิดความเสียหาย และเกิดผลกระทบกับประชาชนในการใช้ชีวิตประจำวัน หากพื้นที่ใดคาดว่าจะได้ผลกระทบรุนแรงให้รีบแจ้งเตือน เช่น การยกสิ่งของขึ้นพื้นที่สูง หรือเตรียมอพยพหากจำเป็น เพื่อความปลอดภัย รวมทั้งหลีกเลี่ยงการสัญจรหากไม่จำเป็นเร่งด่วน
นายกรัฐมนตรีขอให้มั่นใจว่า รัฐบาลได้เฝ้าระวัง และสั่งทุกหน่วยงานเตรียมพร้อมรับมือ เพื่อบรรเทาผลกระทบต่อประชาชน ทั้งนี้ หากประชาชนมีข้อสงสัย สอบถามได้ที่ สายด่วนพยากรณ์อากาศ 1182 ได้ตลอด 24 ชม.