"วิษณุ"โยนกกต.ตอบจัดลต.ท้องถิ่น-ประชามติทำพร้อมกันได้หรือไม่

8 ตุลาคม 2563 นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ความเป็นไปได้ในการทำประชามติว่าจะแก้ไขรัฐรรมนูญหรือไม่ พร้อมกับการเลือกตั้งองค์การบริหารส่วนจังหวัดนั้น ส่วนตัวไม่ค่อยแน่ใจ เพราะต้องตัดสินใจกันก่อนว่าการแก้ไขรัฐธรรมนูญจะต้องทำประชามติกี่ครั้ง อาจจะต้องทำประชามติ เพื่อกำหนดกรอบการแก้ไขรัฐธรรมนูญตามที่วุฒิสภา (ส.ว.) ต้องการ ก่อนจะดำเนินการแก้ไขรัฐธรรมนูญแล้วลงประชามติอีกครั้ง ซึ่งอาจจะไม่ยุ่งยากอะไรเท่าไหร่

ทั้งนี้ แต่ที่รัฐธรรมนูญกำหนดไว้ในมาตรา 256 ว่า เมื่อมีการแก้ไขรัฐธรรมนูญเสร็จแล้ว ก่อนจะนำขึ้นทูลเกล้าฯถวาย ต้องนำออกไปให้ประชาชนลงประชามติ ซึ่งขั้นตอนนี้เป็นภาคบังคับ จะไปทำซ้ำซ้อนกับอย่างอื่นไม่ได้ ดังนั้นตั้งข้อสังเกตว่าการทำประชามติก่อนพร้อมกับการเลือกตั้งองค์การบริหารส่วนจังหวัด อาจเป็นแนวทางหนึ่ง ซึ่งต้องพิจารณาว่าจะทำให้เกิดความสับสนหรือไม่ เพราะอย่างไรเสีย เมื่อแก้ไขรัฐธรรมนูญเสร็จแล้ว ก็ต้องนำไปออกเสียงประชามติอยู่ดี ซึ่งต้องเป็นไปตาม พ.ร.บ.การออกเสียงประชามติแต่ขณะนี้ยังไม่เข้าสู่สภาฯ

"หากมองในแง่ประหยัดงบประมาณก็มีความเป็นไปได้ แต่ต้องถามทาง กกต. ซึ่งผมเองก็มองเห็นปัญหาบางอย่าง แต่ก็ต้องรอให้ กกต.ยกขึ้นมา ส่วนข้อเสนอการแก้ไขรัฐธรรมนูญ เบื้องต้นทางรัฐบาลและนายกรัฐมนตรียังไม่มีการสั่งการอะไรเป็นพิเศษ" นายวิษณุ กล่าว

นายวิษณุ กล่าวต่อว่า ส่วนการชี้แจงของเลขาธิการคณะกรรมการการเลือกตั้ง หรือ กกต. ต่อคณะรัฐมนตรี (ครม.) ถึงการเตรียมความพร้อมเลือกตั้งท้องถิ่นนั้น ซึ่งการเลือกตั้งท้องถิ่นต้องมีองค์ประกอบ 5 อย่าง1.บุคลากรที่จะใช้การจัดการเลือกตั้งท้องถิ่นคราวนั้นๆ จะต้องพร้อม ซึ่งกกต. ก็ยืนยันว่าพร้อมฝึกอบรมเรียบร้อยแล้ว 2.งบประมาณจะต้องมีพร้อม ซึ่งสำนักงานงบประมาณก็ยืนยันว่าพร้อมแล้ว3.กฎระเบียบต่างๆ ทาง กกต. ก็ออกครบเรียบร้อยแล้ว ระหว่างนี้อยู่ระหว่างการทยอยประกาศใช้4.การแบ่งเขตต่างๆ จะต้องพร้อม ซึ่งขณะนี้มีความพร้อมแล้วเป็นส่วนใหญ่ ที่ยังไม่พร้อม เข้าใจว่ามีเทศบาล และ 5. ผู้สมัคร

ส่วนผู้บริหารและสมาชิกสภาองค์การบริหารส่วนจังหวัด หรือ อบจ. อยู่ระหว่างการรักษาการ ทั้ง 76 แห่ง แต่เมื่อ กกต. ประกาศว่าจะมีการเลือกตั้งเมื่อใด ตั้งแต่วันที่ กกต. ประกาศให้ทราบว่าให้มีการเลือกตั้ง ระหว่างนี้บรรดานายก อบจ. ต้องพ้นจากตำแหน่งทันที ส่วนจะลงสมัครหรือไม่ ก็เป็นอีกเรื่องหนึ่ง โดยผู้ที่รักษาการ คือ ปลัด อบจ. และการเลือกตั้ง อบจ. ที่จะถึงนี้ หากไม่ไปใช้สิทธิ์เลือกตั้ง โดยไม่ชี้แจงเหตุอันควร จะมีผลเป็นการเสียสิทธิบางอย่าง เช่นเดียวกับกรณีไม่ไปเลือกตั้ง ส.ส.

อย่างไรก็ตาม ซึ่งฝ่าย กกต. จะชี้แจงรายละเอียดตามกฎหมาย รวมถึงการเลือกตั้งระดับเทศบาล หากไม่ไปเลือกตั้ง ก็จะมีการเสียสิทธิ์เช่นกัน ดังนั้น เมื่อเรียกร้องให้มีการเลือกตั้ง ก็ต้องไปใช้สิทธิ์เลือกตั้ง โดยจะมีการออกประกาศ แต่ไม่มีการออกพระราชกฤษฎีกาเหมือนเลือกตั้ง ส.ส.

ส่วนกรณีที่ศาลรัฐธรรมนูญมีคำวินิจฉัยว่า พ.ร.บ.คำสั่งเรียกของคณะกรรมาธิการของสภาผู้แทนราษฎรและวุฒิสภา พ.ศ. 2545 ขัดต่อรัฐธรรมนูญนั้น โดยสภาฯมีอำนาจตามรัฐธรรมนูญ สามารถเรียกบุคคลให้เข้าชี้แจงต่อคณะกรรมาธิการ (กมธ.) ได้ ซึ่งรัฐบาลก็มีการส่งผู้แทนไปทุกครั้ง เพียงแต่ศาลรัฐธรรมนูญชี้ว่า การระบุให้มีโทษทางอาญาขัดต่อรัฐธรรมนูญ