ดร.เอ็ดวิน ซัลวาดอร์ ผู้แทนองค์การอนามัยโลกประจำเกาหลีเหนือ เปิดเผยว่า เกาหลีเหนือรายงานความคืบหน้าของมาตรการป้องกันการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ต่อองค์การอนามัยโลกว่า หลังจากพบชาวเกาหลีเหนือแปรพักตร์ที่ลอบข้ามพรมแดนจากเกาหลีใต้เข้าสู่เกาหลีเหนือเมื่อปลายเดือนที่แล้วอาจติดเชื้อโควิด-19 รัฐบาลได้ดำเดินมาตรการกักตัวผู้สัมผัสใกล้ชิดลำดับแรก 64 คน และผู้สัมผัสลำดับที่ 2 อีก 3,571 คนในสถานที่กักกันที่รัฐจัดให้เป็นเวลา 40 วัน แต่ดร.ซัลวาดอร์ บอกว่าผลตรวจหาเชื้อของชาวเกาหลีเหนือแปรพักตร์ยังไม่อาจยืนยันได้ชัดเจนว่า ติดเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่จริงหรือไม่ และอนามัยโลกต้องการข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับชายคนนี้
นอกจากนี้ดร.ซัลวาดอร์ ยืนยันว่า เกาหลีเหนือยังคงบังคับใช้มาตรการควบคุมโรคอย่างเข้มงวด โดยระบุว่า ว่า เมืองแกซองใกล้พรมแดนเกาหลีใต้ ซึ่งเป็นจุดที่พบผู้ต้องสงสัยติดเชื้อโควิด-19 รายแรกยังคงอยู่ภายใต้มาตรการล็อกดาวน์ และแพทย์เกาหลีเหนือยังคงจับตาเฝ้าระวังการแพร่ระบาดในเมืองแห่งนี้ พรมแดนเกาหลีเหนือยังถูกปิด ห้ามการรวมกลุ่ม บังคับสวมหน้ากากในที่สาธารณะ และสถาบันการศึกษาทุกแห่งขยายเวลาปิดพักร้อนออกไป
ขณะที่หนังสือพิมพ์ โรดอง ซินมุนของพรรคแรงงานเกาหลีเหนือ เรียกร้องให้ประชาชนทุกคนร่วมปฏิบัติตามมาตรการป้องกันโรค และเตือนว่า ผู้ฝ่าฝืนจะได้รับผลลัพธ์ร้ายแรง และคิม จอง-อึน ผู้นำเกาหลีเหนือ ประกาศในการประชุมคณะกรรมการด้านนโยบายของพรรคเมื่อวานให้จัดสรรความช่วยเหลือพิเศษแก่ประชาชนในเมืองแกซองที่ถูกล็อกดาวน์ และสำนักข่าวกลางเกาหลี รายงานว่า สิ่งของบรรเทาทุกข์ราว 30 ชนิดรวมเกือบ 550,000 รายการถูกส่งไปที่เมืองแกซอง นับตั้งแต่เริ่มการล็อกดาวน์