(24 มิถุนายน 2563) การประชุมสภาผู้แทนราษฎร ที่มี นายศุภชัย โพธิ์สุ รองประธานสภาฯ คนที่สอง ทำหน้าที่เป็นประธานการประชุม โดยได้เปิดโอกาสให้สมาชิกตั้งกระทู้ถามด้วยวาจา โดยนายเอกการ ซื่อทรงธรรม ส.ส.แพร่ พรรคภูมิใจไทย ได้ตั้งกระทู้ถามด้วยวาจาต่อ นายวราวุธ ศิลปอาชา รมว.ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เกี่ยวกับโครงการปรับปรุงซ่อมแซมอาคารศูนย์เรียนรู้การป่าไม้ เป็นงบประมาณ 6.7 ล้านบาทโดยนายเอกการ ระบุว่า จากกรณีที่มีการรื้อถอนอาคารโบราณ ซึ่งเป็นอาคารที่ทำการเก่าของบริษัท บอมเบย์เบอร์มา เทรดดิ้ง ซึ่งตั้งอยู่นอกกำแพงเมืองแพร่ ทางทิศตะวันตกเฉียงใต้ ริมแม่น้ำยม ทำให้เกิดเสียงวิพากวิจารณ์ที่ไม่เหมาะสมในการดำเนินการดังกล่าวเป็นอย่างมาก อาคารนี้ถูกรื้อถอน ซึ่งสร้างขึ้นเมื่อปี พ.ศ.2432 เป็นอาคารเรือนไม้ประยุกต์ หรืออาคารสถาปัตยกรรมแบบโคโลเนียล มีลักษณะผสมผสานกันระหว่างอาคารท้องถิ่นและอาคารแบบตะวันตก ที่มีความนิยมสร้างขึ้นในระยะที่มีบริษัทต่างชาติเข้ามาสัมปทานป่าไม้ในพื้นที่ภาคเหนือของไทย"เมื่อบริษัทหมดสัมปทานจึงมอบอาคารแห่งนี้ให้กับรัฐบาลไทย จ.แพร่เป็นศูนย์กลางของไม้สักทอง อันเป็นประวัติศาสตร์ที่จ.แพร่ได้ทำการสัมปทานไม้แห่งนี้ จึงถือว่า จ.แพร่เป็นยุคทองของไม้สักที่สร้างผลงานเป็นที่ประจักษ์ ที่บริษัทต่างชาติเข้ามาสัมปทานในจ.แพร่ แต่ตอนนี้กลายเป็นประเด็นร้อน เนื่องจากการทำงบประมาณในการบูรณะที่มีการรื้อและการใช้รถแบคโฮ โดยที่ไม่มีการถอดแบบที่ถูกต้องทางวิชาการ ไม่ดูแลไม้เดิม อาคารนี้ตามโครงสร้าง ซึ่งควรจะซ่อมแซมและให้กรมศิลปากรและให้พี่น้องประชาชนเข้ามามีส่วนร่วมตั้งแต่ต้น"นายเอกการ กล่าวอย่างไรก็ตาม ปัจจุบันพื้นที่นี้อยู่ในเขตรุกขชาติเชตวัน อ.เมือง จ.แพร่ ในการดูแลของสำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ที่ 13 ในการประชุมเพื่อชี้แจงที่ผ่านมาถึงสาเหตุของการรื้ออาคาร ประชาชนทุกคนต่างสงสัยว่า การรื้อถอนครั้งนี้มีความถูกต้องมากน้อยแค่ไหน จะอ้างไม่รู้ ไม่ได้ว่าอาคารนี้คุณค่าหรือเก่าแก่เพียงใดต่อจ.แพร่ ซึ่งก่อให้เกิดความโศกเศร้าเสียใจอย่างมากต่อประชาชนในจ.แพร่ ผู้เฒ่าผู้แก่มาบอกว่า อาคารนี้เกิดก่อนพวกเขา แต่วันนี้ (24 มิ.ย.) อาคารที่พวกเขาเคยเห็นทุกวัน กลับหายไปเป็นสภาพดังข่าวนายเอกการ กล่าวต่อว่า ในฐานะเป็นคนจ.แพร่ รู้สึกหดหู่ที่ได้เห็นภาพข่าว ซึ่งตามกฎหมายคุ้มครองอาคารโบราณ อาคารหลังนี้เข้าองค์ประกอบการเป็นโบราณสถานตามกฎหมายทุกประการ แม้จะไม่ได้อยู่ในเขตอนุรักษ์เมืองเก่า แต่มีอายุ 100 ปีขึ้นไปถือว่า เป็นโบราณสถานที่ต้องขออนุญาตทางกรมศิลปากร และถามความคิดเห็นของชุมชนก่อนที่จะกระทำการใดๆ ซึ่งผลปรากฎว่า รอบนี้เจ้าหน้าที่กรมศิลปากรได้ตำหนิจ.แพร่ ว่าไม่มีการทำตามขั้นตอนที่ควรจะเป็น ทำให้เกิดความเสียหายต่ออาคารโบราณแห่งนี้ แถมการยื่นหนังสือไปยังกรมศิลปากรทำไม่ถูกต้อง"ผมจึงขอถามไปยังรมว.ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ถึงวัตถุประสงค์ในการซ่อมแซมครั้งนี้ รวมถึงกระบวนการที่ถูกต้องในการปรับปรุงอาคารที่เป็นโบราณสถานว่ากระทรวงมีนโยบายอย่างไร และเหตุใด ทำไมโบราณสถานที่เป็นประวัติศาสตร์ของเมืองแพร่ถูกทำลาย" นายเอกการ กล่าวและว่า ปัจจุบันอาคารแห่งนี้ถูกรื้อถอนเป็นที่เรียบร้อย และไม่ถูกรื้อถอนที่เป็นรูปแบบของการบูรณะอาคารโบราณ ควรต้องใช้เวลาในการหาข้อมูลหลักฐานต่างๆ ที่รวบรวมมาเป็นแบบการก่อสร้างที่ถูกต้องหรือใกล้เคียงของเดิมมากที่สุด อาคารนี้เปรียบเสมือนอนุสรณ์ที่สะท้อนวิถีชีวิตของชาวจ.แพร่ ตนอยากให้กรณีนี้เป็นกรณีตัวอย่างสำหรับอาคารสถานที่สำคัญทางประวัติศาสตร์ของท้องถิ่นต่างๆที่ควรจะได้รับการดูแลปรับปรุงอย่างถูกต้อง และที่สำคัญที่สุดได้รับฟังความคิดเห็นของประชาชนอย่างแท้จริงก่อนที่จะดำเนินการใดๆ
ขณะที่ นายวราวุธ ชี้แจงว่า บ้านบอมเบย์เบอร์มา มีอายุนับ 100 ปี ซึ่งในปี 2545 บ้านหลังนี้ได้อยู่ภายใต้การดูแลของกรมอุทยานแห่งชาติ ซึ่งเป้าหมายของการซ่อมแซมก็เป็นไปตามเอกสารที่ได้รับการชี้แจงมา โดยการซ่อมแซมและบูรณะอาคารหลังนี้ มีแนวคิดตั้งแต่ปี 2561 โดยมีการขอสนับสนุนงบประมาณโครงการพัฒนาแหล่งท่องเที่ยว เพราะอาคารหลังนี้มีคุณค่าและมีความสำคัญ เป็นจิตวิญญาณของชาวแพร่ แต่ปี 2561-2562 ก็ไม่ได้งบประมาณ พึ่งมาได้งบประมาณในปี 2563นายวราวุธ กล่าวต่อว่า จากนั้น ทางผู้ว่าราชการจังหวัดแพร่ มอบหมายให้กรมอุทยานสัตว์ป่าและพันธุ์พืชดูแลเรื่องการซ่อมแซม ซึ่งได้มอบหมายต่อให้ทางพื้นที่เริ่มดำเนินการ แต่กลับเกิดเหตุการณ์ให้ชาวแพร่เสียใจ เมื่อเหตุอาคารบอมเบย์เบอร์มาหายไป เหลือแต่กองไม้ ยอมรับว่า สิ่งที่ผิดพลาด คือ การดำเนินการที่ขาดการมีส่วนร่วมของประชาชน"สิ่งที่เกิดขึ้นเป็นความผิดพลาดที่คำว่า เสียใจ คงจะไม่พอ คำว่า ขอโทษ คงจะไม่พอ จึงต้องมีการตรวจสอบ โดยผมขอให้กรมอุทยานสัตว์ป่าและพันธุ์พืช ตั้งคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงว่าเป็นอย่างไร และเมื่อวันที่ 17 มิ.ย. อธิบดีกรมอุทยานฯก็ได้ย้ายหัวหน้าสวนรุกขชาติเชตวัน ออกจากพื้นที่ไปแล้ว จะผิดจะถูกอย่างไรก็แล้วแต่ แต่ต้องมีการย้ายออกจากพื้นที่ไปก่อน และหลังจากนั้นก็จะมีการสอบสวน การสอบสวนก็จะเป็นส่วนหนึ่ง แต่หัวใจสำคัญคือการเยียวยาความรู้สึกและจิตวิญาณของชาวจ.แพร่"นายวราวุธ กล่าวอย่างไรก็ตาม อาคารหลังนี้ ได้รับการปรับปรุง มีแผนการจะปรับปรุง ทว่า ต้องกราบขออภัยที่ไม่ได้พูดคุยและหารือกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องชัดเจน และส่วนตัวก็รับไม่ได้เช่นกัน พรรคชาติไทยพัฒนาก็มีอาคารเก่าเช่นนี้อยู่ในที่ทำการของพรรค ดังนั้น การดำเนินการที่เกิดขึ้นในจ.แพร่ เป็นการดำเนินการที่ขาดความรอบคอบ ไม่คำนึงถึงหัวใจของชาวแพร่ จากนี้ไป กรมอุทยานฯขอรับผิดชอบเรื่องงบประมาณที่เกิดขึ้น รวมทั้งการประสานกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องและชาวแพร่ มาหารือร่วมกันเพื่อให้อาคารหลังนี้กลับมาขึ้นใหม่
จากนั้น นายเอกการ กล่าวว่า ตนเห็นด้วยกับคำตอบของรัฐมนตรีที่สั่งย้ายหัวหน้าสวนรุกขชาติออกไป โครงการนี้ได้มีการทำงบประมาณ อย่างที่ทุกคนทราบดีว่า เป็นเพียงคำถามและต้องการคำตอบที่สุดของชาวจ.แพร่ ดังนั้น ขอถามต่อถึงการปรับปรุงรื้อถอนอาคารที่เกิดขึ้น ทางกระทรวงได้มีการตรวจสอบถามถูกต้องเช่นไร ตลอดจนการสืบสวนสอบสวนข้อเท็จจริงในประเด็นต่างๆ และจะมีแนวทางในการฟื้นฟูอาคารสถานตลอดจนการฟื้นฟูความรู้สึกของชาวจ.แพร่เป็นอย่างไร ซึ่งชาวจ.แพร่เข้าใจดีว่า อาคารถูกรื้อถอนไปแล้ว แต่ยังอยากรู้ว่าการตั้งงบเพื่ออนุรักษ์ซ่อมแซมปรับปรุงครั้งนี้ และอยากทราบข้อเท็จจริง เกี่ยวกับมาตรการที่จะรับผิดชอบ การลงโทษต่างๆ ที่ชาวจ.แพร่พึงพอใจส่วนไม้ที่รื้อถอนออกมานั้น มีข้อสังเกตว่า ยังมีอยู่ครบหรือไม่ และสมบัติที่ประกอบอยู่ในอาคารถูกย้ายไปที่ใด มีการอนุมัติงบโปร่งใสหรือไม่นายวราวุธ จึงลุกขึ้นชี้แจงยืนยันอีกว่า ตนได้รับรายงานมาว่า ไม้ของอาคารบอมเบย์เบอร์มายังอยู่ครบ ก่อนหน้านี้ที่มีเหตุดราม่าว่า มีไม้จากอาคารดังกล่าวไปขายที่ร้านขายของเก่าแล้วนั้น เป็นการเข้าใจผิดกัน เพราะเป็นไม้เก่าจากโรงเรียนแห่งหนึ่ง ไม่ใช่จากอาคารบอมเบย์เบอร์มาส่วนไม้ของตัวอาคารบอมเบย์เบอร์มา ก็มีการเฝ้าระวังตลอด 24 ชั่วโมง นอกจากจะมีเจ้าหน้าที่เฝ้าแล้ว มีติดตั้งกล้องวงจรปิดเฝ้าระวังตลอด ส่วนบทลงโทษของผู้กระทำความผิดนั้น จะเป็นไปตามระเบียบของราชการ ส่วนงบประมาณที่ได้มา เป็นการขอรับการสนับสนุนงบประมาณจังหวัดเพื่อพัฒนาแหล่งท่องเที่ยว แต่ยืนยัน จะขอรับเป็นการบ้านไปสอบถามจังหวัดว่า มีส่วนร่วมในการพิจารณางบประมาณก้อนนี้อย่างไร เพราะทางกระทรวงไม่ได้เป็นผู้ตั้งงบประมาณในส่วนนี้แต่อย่างใด