"ขายหัวเราะ ฉบับ 1504 ธีมประจำฉบับคือ "I LOVE MY JOB(s) เฮฮาอาชีพ(เสริม)" ถือเป็นการกลับมาของขายหัวเราะเป็นฉบับที่ 2 แล้ว หลังจากหยุดไป 1 เดือนที่ไม่สามารถผลิตหนังสือออกวางจำหน่ายได้ ด้วยผลกระทบจาก"โควิด 19" ซึ่งมีช่วงที่ปิดร้านค้าต่างๆ รวมถึงแผงหนังสือด้วย สำหรับฉบับนี้ ขายหัวเราะนำเสนอธีมที่อยู่ในกระแสสังคมหรือใกล้ตัวมากที่สุด คือ เรื่องของอาชีพเสริม การเพิ่มรายได้ การเปลี่ยนงานอดิเรกเป็นรายได้ เพราะหลังจากปัญหาเรื่องโรคภัยผ่านไป สิ่งต่อมาที่ทุกคนจะนึกถึงทันทีคือเรื่องของชีวิตความเป็นอยู่ เรื่องปากท้อง ปัญหาเศรษฐกิจ ขายหัวเราะจึงอยากชวนผู้อ่านมาสนุกสนานกับธีมนี้ ซึ่งจะถูกเล่าผ่านการ์ตูนอารมณ์ขัน ช่วยให้ไม่เครียด เกิดไอเดียความคิดสร้างสรรค์ใหม่ๆ และที่สำคัญคือ เป็นกำลังใจให้กับทุกคน" พิมพ์พิชา อุตสาหจิต ทายาทรุ่นที่ 3 ของตระกูล "อุตสาหจิต" ที่นำพาองค์กร "บันลือกรุ๊ป" ขับเคลื่อนไปข้างหน้า ด้วยตำแหน่ง Executive Director ให้สัมภาษณ์กับ " เนชั่น ทีวี"
วิกฤตจาก " โควิด 19" มีผลไปถึงทุกธุรกิจ รวมทั้งสื่อสิ่งพิมพ์อย่างหนังสือการ์ตูน ทั้งขายหัวเราะและมหาสนุก ที่อยู่ในเครือบันลือกรุ๊ป และนั่นก็ได้กลายเป็นสิ่งที่ท้าทายต่อการบริหาร/จัดการในยามที่ยากลำบาก แต่ด้วยการปรับตัวที่เป็นไปอย่างต่อเนื่องขององค์กร จึงทำให้บันลือกรุ๊ปสามารถฟื้นตัวกลับมาได้ และในขณะเดียวกันก็ใช้ช่วงเวลาที่หยุดไปในการพัฒนาองค์กรด้านต่างๆ
"ในช่วงที่หนังสือของเราถูกชะลอการวางแผงและการผลิตไป ทุกทีมในบันลือกรุ๊ปก็ทำงานกันตามปกติ รูปแบบการทำงานอาจจะมีเปลี่ยนแปลงรูปแบบเป็น Work from Home แต่เป้าหมายของทีมเราคือพยายามรักษาประสิทธิภาพการทำงาน รวมถึงการทำงานร่วมกับลูกค้าแบรนด์หรือองค์กรต่างๆ ต้องราบรื่น ได้รับผลกระทบให้น้อยที่สุด ที่สำคัญคือ เราได้ใช้เวลาในการพัฒนาความรู้และทักษะใหม่ๆ รวมถึงการค้นหาแนวทางใหม่ๆ ให้กับองค์กร เพื่อหาโอกาสใหม่ๆ ในช่วงวิกฤติ ช่วงโควิด คือจังหวะที่ช่องทางใหม่ๆ ของขายหัวเราะที่ ได้พัฒนามาก่อนหน้านั้นมีโอกาสได้เติบโต ไม่ว่าจะเป็น Podcast (ขายหัวเราะ Studio Podcast และ Salmon Podcast) หรือ TikTok ซึ่งได้รับความนิยมเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยยะสำคัญ จากพฤติกรรมของผู้บริโภคที่เปลี่ยนแปลงไป รวมถึงความร่วมมือและบริการสำหรับแบรนด์และองค์กรต่างๆ ก็เพิ่มมากขึ้นด้วย และทำให้องค์กรต่างๆ เห็นศักยภาพพลังของขายหัวเราะมากยิ่งขึ้น "
"หนึ่งในตัวอย่างความร่วมมือที่เกิดขึ้นคือ ความร่วมมือในระดับนานาชาติกับ WHO (องค์การอนามัยโลก) UN (องค์การสหประชาชาติ) กระทรวงพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ และกลุ่ม KnowCovid สร้างสรรค์ผลงานการ์ตูน"ความรู้สู้โควิด" ในรูปแบบ InfoComic ช่วยให้ประชาชนมีความเข้าใจเรื่องโควิด ได้ง่ายและสนุกผ่านการ์ตูนและคาแรกเตอร์ที่ชาวไทยคุ้นเคย ซึ่งโปรเจ็กต์นี้ ยังได้รับการต่อยอดแปลไปเป็นเวอร์ชั่นภาษาอังกฤษและภาษาประเทศเพื่อนบ้านอื่นๆ อีกหลายประเทศ"
"ไม่ใช่แค่บรรลือสาส์น แต่ยังรวมถึง business unit อื่นๆ ในเครือบันลือกรุ๊ปด้วย เนื่องจากบันลือกรุ๊ปเป็น สำนักสร้างสรรค์ content ครบวงจร จึงมีบริษัทอื่นๆ ในเครือที่ได้รับผลกระทบเช่นกัน เช่น แซลมอนแลบ (Salmon Lab) บริษัท creative content agency ที่ดูแล Content Marketing ให้กับลูกค้าแบรนด์ต่างๆ หรือ บริษัท แซลมอนเฮ้าส์ (Salmon House) ที่เป็น production house งานถ่ายทำต่างๆ ซึ่งไม่สามารถออกกองถ่ายโฆษณาให้กับลูกค้าได้ จึงผลิตมิวสิควิดีโอ Until We Meet Again ที่ถ่ายทำและตัดต่อกันเองแบบ Work from Home ทำให้เกิดแรงกระเพื่อมว่า วิกฤติหยุดความคิดของเราไม่ได้ ส่งผลให้เราได้ลูกค้าใหม่ๆ ทันที"
คุณนิว : พิมพ์พิชา บอกกับเราว่า การปรับตัวอย่างต่อเนื่องของขายหัวเราะและองค์กรบันลือกรุ๊ป สอดคล้องกับมุมมองขององค์กรว่า ขายหัวเราะไม่ใช่หนังสือการ์ตูน แต่คือ แบรนด์ การ์ตูนและคาแรกเตอร์ของเราจึงอยู่ในทุกช่องทาง แฟนๆ อยู่ที่ไหน ขายหัวเราะก็ไปอยู่ที่นั่นด้วย รวมถึงเป็นสื่อนำเสนอเรื่องราวได้หลากหลายวงการทั้งการศึกษา ความรู้ การตลาด เรื่องยากๆ จะถูกสื่อสารให้เข้าใจง่าย ผ่าน InfoComic และอารมณ์ขันซึ่งเป็นความเชี่ยวชาญเฉพาะของขายหัวเราะ แม้จะมีการต่อยอดไปครบทุกสื่อ แต่สิ่งพิมพ์ในเครือทั้งขายหัวเราะ มหาสนุก และพ็อคเกตบุ๊คอื่นๆ ก็ยังคงเป็นส่วนสำคัญทางธุรกิจ โดยเฉพาะกลุ่มเป้าหมายของขายหัวเราะครอบคลุมทุกเพศทุกวัยทั่วประเทศ ผู้อ่านบางกลุ่มเช่น ผู้อ่านในพื้นที่ต่างจังหวัด ยังคงสนุกและคุ้นชินกับการอ่านการ์ตูนเป็นเล่ม
"อารมณ์ขันและเสียงหัวเราะเป็นสิ่งที่ทุกคนชื่นชอบและต้องการในชีวิต ขายหัวเราะและแบรนด์อื่นๆ ในเครือบันลือกรุ๊ป มีความภาคภูมิใจที่ได้ทำภารกิจ กระจายความสุข ขยายเสียงหัวเราะ ให้กับสังคมไทยมาโดยตลอด และเราพร้อมเสมอที่จะเรียนรู้และปรับตัว เพื่อให้ธุรกิจของเราก้าวข้ามอุปสรรค ความท้าทายต่างๆ สร้างสรรค์ผลงานที่สร้างรอยยิ้มและความสุขให้กับแฟนๆ ต่อไปในอนาคตอย่างยั่งยืน" พิมพ์พิชา อุตสาหจิต Executive Director บันลือกรุ๊ปกล่าว
เป็นการตอบคำถามกับ เนชั่นทีวี ที่ชัดเจนว่า "บรรลือสาสน์" และ "บันลือกรุ๊ป" พร้อมที่จะก้าวไปต่ออย่างไม่หยุดยั้ง