ล่าสุด ผู้ใช้เฟซบุ๊กชื่อ Artytus By jarunnapat ผู้วาดภาพได้บอกความรู้สึกถึงการทำงานครั้งนี้ว่า ...
ภาพแม่สิตางศุ์ที่ปรากฏบนฝาผนัง มีเนื้อหาสื่อถึงพระพุทธเจ้าลงมาโปรดทั้งสามโลก คือ สวรรค์ มนุษย์ นรก ซึ่งอีก 30-50 ปีข้างหน้า หากใครได้ย้อนกลับมาดู ก็สามารถเทียบเคียงเวลาได้ว่าวาดในช่วงไหน ซึ่งในยุคนี้แม่สิตางศุ์ปังมาก เป็นที่รู้จักของทุกคน ไม่ได้มีเจตนา ไม่ได้ต้องการลบหลู่แต่อย่างใด
ทั้งนี้ เธอยังได้โพสต์อีกครั้ง หลังมีคำสั่งให้แก้ไขภาพ ด้วยความเสียใจว่า
แม่หมดฤทธิ์ หยุดส้ม
สำนักพระพุทธศาสนา เข้ามาตรวจความเรียบร้อยอาจะต้องแก้ไข้ภาพแม่ไม่ชี้นิ้ว เป็นพนมมือไหว้รับเสด็จ เพื่อเป็นไปตามพุทธประวัติ
งงใจ งงจริงๆ อดหยุดส้มเลยแม่ หยุดส้มแล้วแม่ควรพนมมือไหว้พระพุทธเจ้านะ
จะแก้หลังแม่มาหานะคะ
น้อมรับการเปลี่ยนแปลงแต่กะแอบเสียใจ
ด้านโลกโซเชียล ได้มีการพูดถึงเรื่องนี้กันอย่างกว้างขวาง โดยส่วนใหญ่พุ่งประเด็นไปที่เจ้าหน้าที่ที่ไม่มีความรู้-ความเข้าใจในศิลปะ และการบันทึกประวัติศาสตร์ พร้อมกับยกตัวอย่างวัดต่างๆ ให้เห็นว่า มีการนำภาพที่ยิ่งกว่านี้มาวาดบนผนังโบสถ์มากมาย และมีมานานแล้วด้วย
ทั้งนี้ มีผู้ใช้เฟซบุ๊ก ชื่อ MaewMoh-แมวโม้ ได้เขียนบทความชื่อว่า "ภาพกาก" อารมณ์ขันชั้นครู จากภาพจิตรกรรมฝาผนังเรื่องรามเกียรติ์ รอบระเบียงพระอุโบสถวัดพระแก้วที่ยาวที่สุดในโลก รวมสี่ด้าน 178 ห้องไว้อย่างน่าสนใจ
โดยได้อธิบายคำว่า "ภาพกาก" คือภาพที่เป็นส่วนนอกเหนือจากโครงเรื่องหลัก จิตรกรใช้อิสรภาพทางความคิด สอดแทรกความสนุกสนานลงไปภายในภาพ เพิ่มเติมเล็กน้อยโดยไม่ทำให้วัตถุประสงค์หลักของเรื่องราวเสียหาย บางเรื่องเกี่ยวพันกับเรื่องความเป็นอยู่ต่างๆ การแต่งกาย งานประเพณี การละเล่น การหุงหาอาหาร รวมถึงสภาพแวดล้อมของพื้นที่ เรื่องราวธรรมชาติวิทยาหรือมุกฮาที่จะค่อนไปทางสัปดนเล็ก ๆ ฯลฯ
"ภาพกาก" มีอยู่มากมายในจิตรกรรมฝาผนัง โดยเฉพาะอย่างยิ่งในโบสถ์ตามวัดต่างๆ แทบทุกที่ (ส่วนมากเรื่องที่ปรากฎในโบสถ์จะเกี่ยวกับศาสนาและพุทธชาดก) ว่ากันว่า คนที่มารับงานวาดภาพจิตรกรรมฝาผนังตามวัดได้ ต้องมีฝีมือสูง การวาดแต่ละครั้งก็ใช้เวลานานมาก เมื่อเกิดความเบื่อหรือเมื่อยล้า ก็เลยอยากหาอะไรทำสนุก ๆ เพื่อผ่อนคลายบ้าง ด้วยนิสัยของคนไทยที่เป็นคนขี้เล่นสนุกสนาน ทำให้ผลงานศิลปะไทยส่วนใหญ่ มักจะมีเรื่องราวความสนุกสนานสอดแทรกอยู่เป็นประจำ