ลุกเป็นไฟ! มินนิอาโปลิสเกิดจลาจลประท้วงตร.ทำเกินกว่าเหตุ
ผู้ประท้วงหลายร้อยคนในเมืองมินนิอาโปลิส ก่อเหตุจลาจลเผาเมืองและปล้นสะดมอย่างต่อเนื่อง เหตุไม่พอใจเจ้าหน้าที่ตำรวจที่ทำรุนแรงเกินกว่าเหตุจนส่งผลให้ชายผิวดำคนหนึ่งต้องเสียชีวิต
เหตุการณ์ดังกล่าวเริ่มต้นจากคลิปวีดีโอที่เผยแพร่ไปทั่วในโลกออนไลน์ในวันที่ 25 พ.ค ที่ผ่านมา โดยผู้เห็นเหตุการณ์ได้ถ่ายคลิป จอร์จ ฟลอยด์ ชายชาวชาวแอฟริกัน-อเมริกันวัย 46 ปี ที่ถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจผิวขาวของ มินนิอาโปลิส คุกเข่าลงบนคอนานกว่าเจ็ดนาที ระหว่างนั้นเขาพยายามส่งเสียงพึมพำขอความช่วยเหลือ "ได้โปรด ผมหายใจไม่ออก" ก่อนค่อยๆ หมดสติไป
คลิปวีดีโอดังกล่าวถูกแชร์ไปทั่วโซเชียลพร้อมคำวิจารณ์ถึงยุทธวิธีของตำรวจมินนิอาโปลิสที่รุนแรงเกินกว่าเหตุทั้งที่อีกฝ่ายไม่มีท่าทีขัดขืน ซึ่งคลิปวิดีโอของเหตุสะเทือนใจครั้งล่าสุดนี้ ทำให้หลายคนหวนนึกถึงเหตุการณ์คล้ายคลึงกัน ซึ่งเกิดขึ้นในปี 2014 เมื่อเอริก การ์เนอร์ (Eric Garner) ชายผิวดำไร้อาวุธ เสียชีวิตระหว่างถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจนิวยอร์กล็อกคอเพื่อควบคุมตัว
หลังคลิปถูกเผยแพร่ไป ตำรวจผิวขาวสี่คนที่เกี่ยวข้อง ถูกไล่ออกจากงานทันที แต่นั่นยังไม่พอ และประโยค "ผมหายใจไม่ออก" ซึ่งเป็นคำร้องขอของผู้เสียชีวิต ก็กลายเป็นเสียงปลุกระดมการประท้วงต่อต้านการปฏิบัติหน้าที่อันไม่ถูกต้องชอบธรรมของตำรวจทั่วสหรัฐฯขึ้นมาอีกครั้ง.
.
โดยหลังจากที่ นายกเทศมนตรี เจค็อบ เฟรน เรียกร้องคณะอัยการยื่นดำเนินคดีอาญากับตำรวจผิวขาวที่กดคอฟลอยด์บนถนน บรรดาผู้ประท้วงหลายร้อยคน ก็ออกอาละวาดไปตามท้องถนนสายต่างๆ รอบๆ สถานีตำรวจเติร์ด พรีซิงท์ ในช่วงค่ำวันพุธ (27 พ.ค.) จากนั้นฝูงชนได้เพิ่มจำนวนขึ้นเรื่อยๆ และเหตุประท้วงกลายเป็นการเผชิญหน้าบริเวณด้านนอกสถานีตำรวจ โดยตำรวจในชุดปราบจลาจลได้ใช้แก๊สน้ำตา, กระสุนยางและระเบิดควัน เพื่อควบคุมฝูงชน แต่ทางพวกผู้ประท้วงตอบโต้ด้วยก้อนหินและวัตถุอื่นๆ บางส่วนขว้างกระป๋องแก๊สน้ำตากลับเข้าหาเจ้าหน้าที่
นอกจากนั้นยังมีเหตุเพลิงไหม้ร้านค้าในบริเวณนั้นหลายร้าน รวมถึงยังมีรายงานว่าผู้คนหลายสิบคนฉวยโอกาสเข้าปล้นห้างสรรพสินค้าแห่งหนึ่งด้วย.
.
.