"ดร.รยุศด์" เชื่อ ปชช. เข้าใจ หากต้องประกาศ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน

ดร.รยุศด์ บุญทัน ผู้ร่วมก่อตั้งพรรคสามัคคีไทย เสนอว่า ในสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 ที่ขณะนี้มีจำนวนผู้ติดเชื้อเพิ่มสูงขึ้นอย่างก้าวกระโดดอย่างมีนัยสำคัญนั้น รัฐบาลควรยกระดับมาตรการแก้ไขปัญหาที่เข้มข้นมากขึ้นเช่นกัน ไม่ควรรอเวลาหรือปล่อยให้สถานการณ์ไปสู่ระยะที่ 3 หรือขั้นที่วิกฤตขึ้น เพราะจะยิ่งมีความยากลำบากต่อการควบคุมและแก้ไข ตนและพรรคสามัคคีไทย เคยนำเสนอ 6 แนวทางเพื่อประกาศทำสงครามกับโควิด-19 ให้กับรัฐบาลมาก่อนหน้านี้ ซึ่งหลายเรื่องรัฐบาลก็ได้ดำเนินการไปแล้วดร.รยุศด์ กล่าวต่อว่า สถานการณ์การระบาดในช่วงเวลานี้ ถือเป็นความท้าท้ายความสามารถและภาวะความเป็นผู้นำของ พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เป็นอย่างยิ่ง เพราะการตัดสินใจในการที่จะดำเนินการตามนโยบายหรือแนวทางอย่างใด ย่อมต้องแข่งกับเวลาและการระบาดของโรคที่กำลังดำเนินไปทุกวินาที ยากต่อการประเมินและคาดเดาสถานการณ์ และถ้ายิ่งแก้ไขไม่ตรงจุด ล่าช้า ก็อาจทำให้ลุกลามไปสู่วิกฤตก็เป็นได้ ตนจึงขอเสนอ 3 แนวทางเร่งด่วน ฝากไปยังรัฐบาลอีกครั้ง ดังนี้

1. หากมีความจำเป็นรัฐบาลควรประกาศใช้ พรก.บริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน บางพื้นที่ หรือทั่วประเทศ เร่งกำหนดเขตควบคุมพิเศษหรือปิดพื้นที่เพื่อจำกัดการกระจายและแพร่ระบาดของโรค หากต้องสั่งปิดสถานศึกษาหรือหน่วยงานราชการ เชื่อว่าประชาชนส่วนใหญ่ก็เข้าใจ และพร้อมให้ความร่วมมือ ส่วนที่หลายฝ่ายมีความกังวลว่าการเนินการดังกล่าวอาจกระทบต่อระบบเศรษฐกิจ แต่เรื่องความอยู่รอดปลอดภัยของคนในชาติถือว่ามีความสำคัญสูงสุดที่ต้องมาก่อนเป็นอันดับแรก2.รัฐบาลต้องเน้นการให้ข้อมูลกับประชาชนอย่างโปร่งใส และตรงไปตรงมา เพื่อให้ทุกคนตระหนักถึงความรับผิดชอบร่วมกัน ต่อการป้องกันและไม่แพร่กระจายของโรค จนกว่าจะมียารักษาหรือวัคซีนป้องกัน รวมไปถึงแนวทางการคัดกรองโรคซึ่งรัฐบาลควรจะทุ่มงบประมาณให้เพียงพอเพื่อให้ประชาชนทุกคนสามารถเข้าถึงบริการการตรวจได้ฟรีโดยไม่เสียค่าใช้จ่าย3.กองทัพทุกเหล่าต้องเตรียมความพร้อมรองรับสถานการณ์ ด้วยศักยภาพทั้งกำลังพล สถานที่ที่มีอยู่ทั่วประเทศ แพทย์ทหาร และบุคคลากรอื่นๆ จากทุกกรมกองของกองทัพ ย่อมมีความพร้อมที่จะเข้ามาเป็นหน่วยงานหลักในการสนับสนุนภารกิจได้ เช่น การเตรียมพื้นที่ทหารเป็นสถานที่กักกันหากอนาคตผู้ติดเชื้อมีจำนวนมากจนโรงพยาบาลไม่สามารถรองรับได้ เป็นต้น ซึ่งที่ผ่านมาไม่ว่าจะเป็นวิกฤตน้ำท่วมปี 2554 ก็พิสูจน์ให้เห็นถึงความสามรถของทหารและกองทัพที่ได้ทุ่มเทสรรพกำลังทั้งหมดเข้ามาช่วยเหลือพี่น้องประชาชนได้อย่างดีและมีประสิทธิภาพ พิสูจน์ให้สังคมเห็นแล้วว่ากองทัพไม่ได้มีความสามารถเฉพาะการทำรัฐประหารอย่างที่หลายฝ่ายเข้าใจ แต่ยังต้องแบกความรับผิดชอบของบ้านเมืองในยามที่ต้องเผชิญกับภัยคุกคามความมั่นคงของชาติไม่เว้นแม้แต่โควิด-19 ด้วยเช่นกัน"วันนี้เรากำลังเผชิญช่วงเวลาที่ยากลำบาก วิกฤตครั้งนี้เราทุกคนต้องช่วยกัน ไม่แบ่งว่าเป็นคนรวยหรือจน ไม่ว่าจะยืนอยู่ข้างซ้ายหรือขวา จะผิวขาวหรือผิวดำ ทุกคนต้องได้รับสิทธิของความเป็นพลเมืองที่จะมีชีวิตและสุขภาพที่ดีต่อไป ส่วนเศรษฐกิจแม้จะสำคัญแต่ความอยู่รอดปลอดภัยของคนในชาติก็จะต้องมาก่อน" ดร.รยุศด์ กล่าว