พระครูสุนทรปัญญาพิมล เจ้าอาวาสวัดหนองตะไก้ เจ้าคณะตำบลหนองตะไก้ อายุ 61ปี 40 พรรษา เปิดเผยกับทีมข่าวว่า เมื่อประมาณวันที่ 10 มกราคม 2563 ได้มีการบวชหน้าไฟให้กับเณร หลังจากนั้นได้มีญาติโยมถวายซองให้กับเจ้าอาวาสซึ่งเป็นพระอุปัชฌาย์ จำนวน 200 บาท จนมีการวิพากษ์วิจารณ์ต่างๆนานา ซึ่งคนทั่วไปไม่รู้หรอกว่าพระก็ต้องใช้เงินเช่นกัน ไม่ว่าจะเป็นค่าน้ำมันรถเวลาออกไปรับกิจนิมนต์ ค่าแรงงานคนมาตัดหญ้าที่วัด ค่าซ่อมบำรุงวัด และอื่นๆอีกมากมาย ซึ่งตามความเป็นจริงแล้วพระก็ไม่ได้อยากได้เงิน แต่จำนวนเงินดังกล่าวที่ญาติโยมถวายเพื่อเป็นปัจจัย ถือว่าไม่ให้เกียรติพระอุปัชฌาย์หรือเจ้าอาวาส เพราะเจ้าของงานนั้นก็มีฐานะที่ดี หากเป็นคนที่ยากจนไม่ถวายปัจจัยตนก็จะไม่ตำหนิอะไรเลย ส่วนคนที่วิพากษ์วิจารณ์นั้นอยากให้กลับไปย้อนคิดในมุมกลับกัน ว่าโลกทุกวันนี้อะไรก็เป็นค่าใช้จ่ายไปหมด จึงอยากให้ญาติโยมได้เข้าใจถึงเหตุผลนี้ด้วยสาเหตุที่โพสต์นั้นต้องการระบายออกมาเพียงเท่านั้นไม่ได้มีความหมายจะต่อว่าเจ้าภาพงานแต่อย่างใดแต่อยากให้เห็นใจพระบ้างเพราะกว่าจะตอบได้เป็นพระอุปัชฌาย์เธอเป็นเจ้าอาวาสก็ต้องมีค่าใช้จ่ายเช่นกัน
นางพิศ ดาจันทร์พันธ์ อายุ 65 ปี ชาวบ้านที่ทำบุญเป็นประจำ เปิดเผยว่า ก็เพิ่งทราบข่าวจากหลานชายเล่าให้ฟัง ว่าเจ้าอาวาสบ่นตัดพ้อเรื่องเงินใส่ซองจำนวน 200 บาท หลังจากไปบวชหน้าไฟให้กับเณร ซึ่งตนในฐานะชาวบ้านมองว่า ไม่เห็นด้วยกับการกระทำของหลวงพ่อที่มีการโพสต์ออกไปจนโลกโซเชียลมีการวิพากษ์วิจารณ์ไปต่างๆนานาทำให้วัดเสื่อมเสีย ในแง่ลบ ซึ่งคนทุกวันนี้ย่อมมีคนรวยและคนจนเวลาใส่ซองช่วยพระในการทำบุญก็แล้วแต่ปัจจัยของญาติโยมที่จะไปถวายเท่าไหร่ ทางพระไม่สามารถที่จะบอกว่าไปน้อยหรือใส่มาก ทุกอย่างขึ้นอยู่กับเจ้าภาพงาน เข้าใจว่าที่วัดก็มีค่าใช้จ่าย แต่ทางพระไม่สมควรที่จะมาโพสต์แบบนี้ เพราะปกติเจ้าอาวาสรูปนี้เป็นคนที่นิสัยดี เป็นพระนักพัฒนา ไม่เคยมีเรื่องกับชาวบ้าน แต่การกระทำดังกล่าวตนไม่เห็นด้วยอย่างยิ่ง