สำหรับตอนนี้ยังอยู่ในช่วงระยะทดสอบ โดยฐากร ตัณฑสิทธิ์ เลขาธิการ กสทช. เผยว่า รูปแบบการใช้งาน Mobile ID ที่ถูกออกแบบขึ้นมา เบื้องต้นจะใช้ได้กับผู้ใช้บริการโทรศัพท์มือถือในเครือข่าย AIS เท่านั้น โดยระทะสอบนี้จะมีการทดลองลงทะเบียนที่ศูนย์ใช้บริการ ต่อด้วยการสร้างรหัสคิวอาร์โค้ดส่วนบุคคล มีข้อมูล ชื่อ-สกุล เลขบัตร ปชช. หมายเลขโทรศัพท์มือถือ และ รหัสใบหน้า
หลังจากที่ได้คิวอาร์โค้ดมาแล้ว ก็จะทดสอบการใช้ Mobile ID ในการเข้าทำธุรกรรมที่ธนาคารกรุงเทพ โดยใช้ข้อมูลคิวอาร์โค๊ดในการเปรียบเทียบกับข้อมูลใบหน้าจริง เพื่อยืนยันว่าเป็นบุคคลเดียวกัน ซึ่งระยะทดสอบนี้จะใช้เวลา 12 เดือนนับจากวันที่ลงนาม MOU ก่อนประเมินผลและเปิดให้บริการกับประชาชนต่อไปสำหรับภาคีเครือข่ายที่ร่วมลงนาม MOU วันนี้ ประกอบด้วย กรมการขนส่งทางบก สำนักงานประกันสังคม กรมการปกครอง ธนาคารกรุงเทพ และ บ.แอดวานซ์ ไวเลส เน็ตเวิร์ค หรือ เอไอเอส ซึ่งความร่วมมือที่เกิดขึ้นในวันนี้ ถือเป็นพื้นฐานสำคัญในการให้บริการต่างๆด้วยระบบอิเล็กทรอนิกส์ และอำนวยความสะดวกให้ประชาชนเข้าถึงสิทธิและบริการต่างๆ อาทิ การออกใบขับขี่ การทำธุรกรรมกับกรมการขนส่งทางบก การเข้าถึงสิทธิประกันสังคมและยืนยันความเป็นเจ้าของสิทธิที่แท้จริงได้ทุกที่ทุกเวลา เป็นต้น
ส่วนการทดลองระบบเพื่อเปิดบัญชีเงินฝากธนาคารธนาคาร เบื้องต้นจะเริ่มนำร่องกับธนาคารกรุงเทพจำนวน 10 สาขา และหากผลการทดสอบเป็นที่น่าพอใจ คาดว่าจะสามารถนำมาให้บริการกับลูกค้าทั่วไปได้ประมาณไตรมาส2 ของปีนี้