เด็ก ป. 4 ร.ร ดังโคราช แอบเอาปืนพ่อมามาร.ร ก่อนทำปืนลั่นใส่เพื่อน เป็นตายเท่ากัน!

เมื่อเวลา 09.00 น. วันที่ 3 มกราคม พ.ต.อ.กฤตยา เลาประสพวัฒนา ผกก.สภ.เมือง นครราชสีมา รับแจ้งมีเหตุนักเรียนถูกยิงได้รับบาดเจ็บที่โรงเรียนประถมชื่อดังขนาดใหญ่พิเศษ ใกล้เคียงสำนักงานเทศบาลนคร (ทน.) นครราชสีมา จึงรุดไปตรวจสอบ ที่เกิดเหตุอยู่บนชั้น 3 อาคาร 7 บริเวณหน้าห้องเรียนประถมศึกษาที่ 4/2 พบร่างเด็กชายอาร์ตี้ (นามสมมติ) อายุ 10 ปี นอนจมกองเลือด สภาพถูกกระสุนปืนยิงเข้าหน้าอกขวาทะลุหลังและสัญญาณชีพอ่อน อาการเป็นตายเท่ากัน อาสาสมัครหน่วยกู้ชีพสว่างเมตตาโคราช ได้ปฐมพยาบาลเบื้องต้นก่อนรีบนำส่งไปรักษาที่โรงพยาบาลมหาราช นครราชสีมา

แพทย์ได้นำเข้าห้องผ่าตัดช่วยเหลือชีวิตทันทีพ.ต.อ กฤตยา ฯ ผกก.สภ.เมือง ฯ เปิดเผยว่า จากการซักถามเพื่อนนักเรียนได้ระบุเหตุการณ์ที่เห็นต่อหน้าต่อตา ในระหว่างนักเรียนทุกชั้นเรียนได้ยืนเข้าแถวหน้าเสาธงชาติและฟังผู้บริหารให้โอวาท
ซึ่งมีเด็กนักเรียนส่วนหนึ่งได้แยกย้ายมาห้องเรียนของตน เพื่อเตรียมจัดกิจกรรมวันขึ้นปีใหม่ พบเห็น ด.ช อาร์ตี้ ผู้บาดเจ็บกำลังเล่นหยอกล้อกับ ด.ช กองทัพ เพื่อนสนิทและเป็นนักเรียนห้องเดียวกันชั้น ป.4/2 ก่อนจะได้ยินเสียงปืนยังขึ้น 1 นัด พร้อมกับร่างของ ด.ช อาร์ตี้ ล้มฟุบลง ท่ามกลางเสียงหวีดร้องตกใจของบรรดาเพื่อนๆ

จากนั้นครูได้รีบวิ่งมาดูและรีบแจ้งให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องมาช่วยเหลือ" ขณะนี้ได้ดำเนินการตามกฎหมายวิธีพิจารณาคดีเด็กและเยาวชนต้องสอบสวนโดยมีสหวิชาชีพมาร่วมด้วย ระหว่างนี้ได้ประสานให้ผู้ปกครองของนักเรียนร่วมห้องที่พบเห็นเหตุการณ์เข้ามาพบปะพูดคุย เพื่อบรรเทาความตึงเครียด จากการสอบถาม ด.ช.กองทัพ ได้วิธีการใช้ปืนมาจากคลิปในโลกโซเชียล ขอฝากให้ผู้ปกครองของเด็กเยาวชนทุกคน ช่วยกันสอดส่องดูแลว่าบุตรหลานของตนกำลังดูคลิปเรื่องอะไร เหมาะสมหรือไม่ เนื่องจากเด็กรู้เท่าไม่ถึงการณ์อยู่ในวัยกำลังอยากรู้อยากลอง "พยานแวดล้อมซึ่งเป็นบุคลากรทางการศึกษาได้ขอสงวนนาม กล่าวว่า ด.ช กองทัพ ได้นำกล่องบรรจุปืนขนาด 9 ม.ม ของผู้เป็นพ่อ

ซึ่งเป็นเจ้าหน้าที่ทหารสังกัดหน่วยรบแห่งหนึ่งในกองทัพภาคที่2 ได้เดินทางไปราชการสนาม แต่เก็บซุกซ่อนไม่มิดชิด เมื่อเห็นก็แอบนำมาโรงเรียน เพื่อมาโชว์เล่นกับเพื่อน ๆ ด้วยความรู้เท่าไม่ถึงการณ์ได้เกิดปืนลั่นวิถีกระสุนพุ่งเข้าเจาะร่าง ด.ช อาร์ตี้ เพื่อนรักจนได้รับบาดเจ็บสาหัส หลังเกิดเหตุข่าวได้แพร่สะพัดในโลกโซเชียลอย่างรวดเร็ว บรรดาผู้ปกครองได้มาจับกุมวิพากษ์ วิจารณ์กันบริเวณหน้าประตูทางเข้าสถานศึกษา ส่วนหนึ่งได้ขออนุญาตรับบุตรหลานกลับบ้านพักทันที