โดยระบุว่า... นางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีหญิงคนแรกของประเทศไทย โพสต์เฟซบุ๊กแฟนเพจ Yingluck Shinawatra ทักทายพร้อมตัดพ้อ กรณี ม.44 เร่งดำเนินคดีกับตน ฉะไม่เป็นไปตามกฎหมาย เป็นกฎหมายเลือกข้าง จวก พล.อ.ประยุทธ์ ยึดอำนาจและใช้ม.44 จนถึงปัจจุบัน ทำลายสิทธิเสรีภาพของประชาชน โดยในโพสต์ระบุว่า
"หลายคนคงคิดว่าช่วงนี้ดิฉันทำไมเงียบหายไป ยังมีความสุขดีอยู่มั้ย บางครั้งการพยายามไม่คิดมาก ทำใจให้สงบ มีความสุขก็ทำให้เรารู้สึกดีขึ้นในสิ่งแวดล้อมที่เปลี่ยนไป แต่ความสุขเหล่านั้นก็อยู่บนความสุขที่หน้าชื่นอกตรม เพราะนอกจากตัวเองจะต้องพลัดพรากจากลูก จากครอบครัวและจากพี่น้องประชาชนมาอยู่ต่างแดนแล้วยังต้องสูญเสียบ้าน ทรัพย์สิน บัญชีธนาคาร รวมถึงทรัพย์สมบัติส่วนตัวที่ตนเองหามาตั้งแต่ครั้งยังไม่ได้ดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีจนมาเป็นนายกรัฐมนตรี และสิ่งเหล่านี้คือสิ่งที่ตอบแทนดิฉัน
ดิฉันสูญเสียบ้านที่ถูกยึดและขณะนี้ทรัพย์สินของดิฉันก็กำลังถูกกรมบังคับคดีประมูลชิ้นต่อชิ้น ดิฉันใช้ข้อต่อสู้ทางกฎหมายทุกรูปแบบแล้วแต่ก็ไม่สามารถจะหยุดยั้งได้ เพราะนายกรัฐมนตรีชื่อประยุทธ์ จันทร์โอชา ได้ใช้อำนาจตามมาตรา 44 ตั้งแต่เมื่อครั้งที่ยึดอำนาจ และจนถึงปัจจุบันมาตรา 44 ก็ยังคุ้มครองเจ้าหน้าที่อยู่ ทุกคนจึงเร่งดำเนินการกับคดีดิฉัน โดยไม่คำนึงถึงความถูกต้องตามหลักเกณฑ์ของกฎหมาย
เพราะจริงๆแล้ว คดีต้องรอคำพิพากษาศาลปกครองที่ถึงที่สุดว่าดิฉันแพ้คดีก่อนจึงจะสามารถนำทรัพย์เหล่านั้นมาขายทอดตลาดได้ เป็นการถูกกระทำที่ไม่เหมือนใครในประวัติศาสตร์
ซึ่งการนำเอาข้ออ้างของมาตรา 44 มาอยู่เหนือคำพิพากษาของศาลนอกจากไม่ควรจะเกิดขึ้นกับใครแล้ว ยังไม่ถูกต้องตามกฎหมาย ผลกระทบของการใช้ มาตรา 44 ให้มีอำนาจเหนือรัฏฐาธิปัตย์ถือเป็นการทำลายสิทธิเสรีภาพขั้นพื้นฐานของประชาชนในระบอบประชาธิปไตยอีกด้วย
วันนี้ดิฉันเองจึงอยากจะขออนุญาตเล่าความในใจว่า ดิฉันเองจะต้องต่อสู้เรื่องของการถูกประมูลทรัพย์สินทุกชิ้นที่หามาด้วยน้ำพักน้ำแรง มันเป็นเรื่องที่น่าเศร้าใจนัก แม้กระทั่งทรัพย์สมบัติที่พ่อแม่ให้มา ดิฉันก็ไม่สามารถที่จะปกป้องเอาไว้ได้ ดิฉันต้องอดทนต่อความเจ็บปวดและสะเทือนใจทุกครั้งที่รับทราบว่าทรัพย์ถูกทยอยขายไปทีละชิ้น ทีละชิ้น บางครั้งดิฉันก็ต้องปลอบใจตัวเองและบอกกับตัวเองว่า หากเรายังเศร้าและจมปลักอยู่กับอดีตเราก็จะไม่มีความสุข เรายังต้องมีภาระและดูแลอีกหลายชีวิตที่เขาฝากความหวังไว้กับเรา
ดังนั้นดิฉันจึงต้องพยายามยืนและมองไปข้างหน้าโดยมองอดีตเป็นประสบการณ์ และคนเราควรจะอยู่เพื่อวันนี้และเพื่ออนาคต ไม่เอาอดีตมาทำให้เราไม่สามารถจะหลุดพ้นหรือเดินไปข้างหน้าไม่ได้ เพราะวันนี้ดิฉันพยายามที่จะบอกว่าดิฉันอยู่กับปัจจุบันและอยู่กับอนาคต เราจะต้องเข้มแข็งและสู้ต่อไป แต่สิ่งหนึ่งในอดีตที่ดิฉันไม่เคยลืมก็คือความไว้วางใจที่พี่น้องประชาชนมีต่อดิฉันโดยเสมอมาค่ะ#ม.44 กฎหมายเลือกข้าง#กฎหมายเลือกข้าง"
ล่าสุด นพ.วรงค์ เดชกิจวิกรม ซีอีโอพรรครวมพลังประชาชาติไทย ได้โพสต์ถึง ยิ่งลักษณ์ ถึงกรณีโพสต์ตัดพ้อ ม.44 โดยระบุว่า...
ความจริงที่คุณยิ่งลักษณ์อาจลืม
วันนี้เป็นวันที่คุณยิ่งลักษณ์ ออกมาโหนมาตรา 44 ในคดีที่อ้างว่าทรัพย์สินตนเองถูกขายทอดตลาด แต่คุณยิ่งลักษณ์กลับไม่พูดเลยว่าตนเองต่อสู้ตามขั้นตอนกฏหมายปกติทุกอย่าง รวมทั้งร้องศาลปกครองขอให้คุ้มครองชั่วคราวเรื่องยึดทรัพย์ และศาลปกครองก็ยกคำร้องถึงสองครั้ง ทำไมคุณไม่พูดถึง
ที่สำคัญมาตรา44 นั้น เป็นการคุ้มครองเจ้าหน้าที่ที่ปฏิบัติตามกฏหมายด้วยความสุจริต ไม่คุ้มครองถ้าทุจริตกลั่นแกล้ง ต้องย้ำด้วยว่า ไม่เกี่ยวกับสาระของคดี เพราะคดีทั้งอาญาและแพ่ง ของคุณยิ่งลักษณ์ผ่านกระบวนการกฏหมายปกติทุกอย่าง จนกระทั่งคุณหนีคำตัดสินของศาล
เพื่อทวนความจำ ในช่วงคุณยิ่งลักษณ์เป็นนายกฯและ ประธานคณะกรรมการนโยบายข้าวแห่งชาติ
1.มีการแก้ไขสัญญาเพิ่มชนิดและปริมาณข้าวเรื่อยๆ โดยไม่มีการเจรจาต่อรองเงื่อนไขที่เป็นประโยชน์แก่ประเทศชาติ
2.รับมอบข้าวไปโดยผู้รับมอบอำนาจที่เป็นคนไทยแล้วนำไปขายต่อให้ผู้ประกอบการค้าข้าวภายในประเทศ โดยไม่มีการส่งข้าวที่ซื้อขายไปยังสาธารณรัฐประชาชนจีน
3.หลีกเลี่ยงการแข่งขันราคาอย่างเป็นธรรมอันเป็นการเอาเปรียบแก่กรมการค้าต่างประเทศ
4.หลังอภิปรายไม่ไว้วางใจ เดือนพฤศจิกายน 2555 กว่าคุณยิ่งลักษณ์จะปรับนายบุญทรงออก ต้องรอถึง 7เดือน คือมิถุนายน 2556 จนเกิดโกงจีทูจีรอบสอง อีก 4 สัญญา ข้าว 14 ล้านตัน
5. ประเทศใช้เงินในโครงการจำนำข้าว 9.4 แสนล้านบาท มีความเสียหายมากกว่าห้าแสนล้านบาท และรัฐบาลปัจจุบันต้องตั้งงบใช้หนี้รวมดอกเบี้ย ปีละห้าหมื่นล้านบาทนานถึง 16 ปี
6.คุณยิ่งลักษณ์พยายามเล่าความเศร้าเรื่องทรัพย์ตนเองถูกขายทอดตลาด แต่คุณยิ่งลักษณ์อาจลืมไปว่า มีญาติพี่น้องคุณ โกงเงินแผ่นดินไทยไปเท่าไร
7.ยังมีการโกงจีทูจีรอบสองอีกที่รอผ่านกระบวนการยุติธรรม
8.สุดท้ายคุญยิ่งลักษณ์ก็หนีเอาตัวรอดไปสุขสบาย แต่ปล่อยให้คนอื่นรับกรรม คือจำคุกนายภูมิ 36 ปี นายบุญทรง 42ปี(ศาลเพิ่มเป็น 48 ปีหลังขออุทธรณ์) นายมนัส 40ปี นางทิฆัมพร 32 ปี นายอัครพงศ์ 24 ปี นายอภิชาติ 48 ปี
หยุดโหนมาตรา 44 ได้แล้วครับ เพราะไม่เกี่ยวใดๆกับการดำเนินคดียึดทรัพย์ และทุตริตจำนำข้าวของคุณยิ่งลักษณ์และคณะเลย ออกมาคุ้มครองจนท.ที่กระทำด้วยความสุจริต แต่ถ้าทุจริตก็ไม่คุ้มครองเท่านั้น
#หยุดโหนมาตรา44