กก.บห.อนาคตใหม่ เร่งประชุมเตรียมชี้ชะตา "กวินนาถ" โหวตสวนมติพรรค

นางสาวพรรณิการ์ วานิช โฆษกพรรคอนาคตใหม่ กล่าวถึงกระเเสข่าวเตรียมเชือดงูเห่าของพรรค ที่โหวตผ่านร่าง พ.ร.บ.งบประมาณ ว่า คงไม่ได้จะเชือดหรืออะไร เพียงแต่ว่าตอนนี้เป็นที่รู้กันในสังคมแล้วว่า มีสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรของพรรคโหวตสวนกับมติของพรรค ซึ่งปรากฏชื่อเป็นที่เรียบร้อยแล้ว โดยมีคำถามมากมายว่าพรรคจะจัดการอย่างไร แต่ขณะนี้จบการอภิปรายในสภาแล้ว พรรคกำลังระดมสรรพกำลังในการช่วยหาเสียงเลือกตั้งซ่อมที่นครปฐม ที่จะมีขึ้นในวันที่ 23 ตุลาคมนี้ เมื่อจบการเลือกตั้งแล้วจะมีการประชุมกรรมการบริหารพรรว่าจะดำเนินการอย่างไรต่อกรณีนี้ แล้วจะมีคำสั่งหรือมติทางการออกมาอย่างแน่นอนเมื่อถามว่าจำเป็นถึงขั้นต้องบีบออกหรือไล่ออกหรือไม่?โฆษกพรรคอนาคตใหม่ บอกว่า เรื่องนี้มีระเบียบขั้นตอนอยู่แล้ว มีคณะกรรมการวินัยอยู่แล้ว จะออกมาแบบไหนอยู่ที่กรรมการบริหารพรรค ซึ่งเป็นองค์กรสูงสุดตัดสินใจ
เมื่อถามถึงกระเเสข่าวที่หัวหน้าทีมอนาคตใหม่ ชลบุรี จี้ให้ นางสาว กวินนาถ ตาคีย์ ส.ส.เขต 7 จ.ชลบุรี ลาออก ถือเป็นศึกภายในหรือไม่?โฆษกพรรคอนาคตใหม่ ยืนยันว่า ไม่ใช่ศึกภายในหรือภายนอก และในพรรคการเมืองมีสิ่งมีชีวิตย่อมมีคนเห็นด้วยและเห็นต่าง อีกทั้งสมาชิกพรรคไม่ใช่แค่ที่ชลบุรี แต่มีจังหวัดอื่นและทั่วประเทศ มีการทำหนังสือล่ารายชื่อขอให้กรรมการบริหารพรรคซึ่งเป็นองค์กรกลาง มีมติอย่างใดอย่างหนึ่งกับผู้โหวตสวนมติพรรค ซึ่งตนก็มองเป็นเรื่องปกติ และดีใจที่สมาชิกมีความกระตือรือร้น ทำให้เห็นว่าพรรคอนาคตใหม่มีความเป็นสถาบัน มีการตรวจสอบกันเอง และกรรมการบริหารพรรคก็พร้อมทำทุกอย่างตามที่สมาชิกเข้าชื่อมา โดยจะพิจารณาอย่างเป็นธรรมแน่นอนสำหรับกระแสข่าว ส.ส.เขตบางคน รู้สึกว่า ไม่ได้รับการปฏิบัติที่เท่าเทียมแบบที่ ส.ส.บัญชีรายชื่อได้รับ และอึดอัดกับการตัดสินใจเพียงคนเดียวของ นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ หัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ ที่ไม่ให้ ส.ส. ได้รับการบรรจุอยู่ในกรรมาธิการคณะที่ต้องการนั้น โฆษกพรรคอนาคตใหม่ ชี้แจงว่า ถ้าดูจากการลงมติในสภาช่วง 3 วันที่ผ่านมา ก็พบว่าเสียงที่แตกออกไปเล็กน้อยมากจริงๆ ดังนั้นยืนยันว่าผู้แทนของอนาคตใหม่เกือบ 100% มีความเข้าใจ มีจุดยืน มีอุดมการณ์ และเข้าใจการทำงานของพรรค โดยมีส่วนน้อยมากที่เป็นปัญหา แล้วก็แสดงตัวออกมา นอกจากนี้เวลาทำงานพรรคจะดูว่าใครอยู่ตรงไหน มีประโยชน์กับประเทศชาติและประชาชนในการทำงานมากที่สุด ซึ่งการจัดสรรของพรรคไม่ใช่เรื่องของการอุปถัมภ์ ไม่ใช้ระบบอิทธิพล แต่ใช้คนที่เหมาะกับงาน การจัดสรรแบบนี้อาจจะมีคนจำนวนน้อยไม่พอใจบ้าง แต่สุดท้าย ทุกคนก็ทำงานร่วมกัน พร้อมย้ำมีส่วนน้อยมากจริงๆที่มีปัญหา แล้วก็เป็นคนกลุ่มเดิม