ปั้น "สมาร์ทซิตี้" ปลุกภูเก็ตเลิกเหงา หลังเรือล่มนักท่องเที่ยวจีนดับ

จากปัญหานักท่องเที่ยวในจังหวัดภูเก็ตลดลง หลังเกิดโศกนาฏกรรมเรือล่มกลางทะเล เพราะมรสุมเข้าและคลื่นลมแรงเมื่อวันที่ 5 กรกฎาคมปีที่แล้ว ส่งผลให้นักท่องเที่ยวจีนเสียชีวิตถึง 47 ราย ทำให้นักท่องเที่ยวหดหาย โดยเฉพาะนักท่องเที่ยวจีนและถึงแม้เหตุการณ์จะผ่านมานานกว่า 1 ปีแล้ว แต่ตัวเลขนักท่องเที่ยวก็ยังไม่กระเตื้อง คณะกรรมาธิการ ดีอี จึงตัดสินใจลงพื้นที่จังหวัดภูเก็ตเป็นที่แรก เพื่อหวังผลักดันให้ใช้เทคโนโลยีเข้ามาช่วยเรื่องความปลอดภัย


ประธานคณะกรรมาธิการฯ กัลยา รุ่งวิจิตรชัย พร้อมด้วย รองประธานฯ พันเอกเศรษฐพงค์ มะลิสุวรรณ และคณะ ได้ลุยดูโมเดลสมาร์ทซิตี้ (Smart City) ที่นำเทคโนโลยีดิจิทัลมาประยุกต์ใช้ในด้านต่างๆ อย่าง การขนส่งมวลชนที่เรียกว่า Smart Transit เพื่อเป็นการพัฒนาและยกระดับระบบคมนาคมขนส่งทั้งทางบก ทางน้ำ และทางอากาศ รวมถึงติดตามการใช้เทคโนโลยีดิจิทัลในด้านการักษาความปลอดภัย Smart safety ด้วยระบบกล้อง cctv ด้วย
พันเอกเศรษฐพงค์ ในฐานะผู้เชี่ยวชาญด้านเทคโนโลยี อธิบายว่าสมาร์ทซิตี้ต้องการทำให้นักท่องเที่ยวมีความปลอดภัยมากขึ้น อย่างกรณีเรือล่ม เราไม่สามารถรู้จำนวนนักท่องเที่ยวที่ประสบเหตุ รวมถึงรายละเอียดต่างๆ ของตัวนักท่องเที่ยวเอง จึงอาจส่งผลต่อความเชื่อมั่น เพราะการให้ความช่วยเหลือเป็นไปอย่างยากลำบาก และไม่มีข้อมูลมากพอ ฉะนั้นการนำเทคโนโลยีมาใช้ อย่างการให้นักท่องเที่ยวใส่ "ริสต์แบนด์" ที่จะบรรจุข้อมูลนักท่องเที่ยวทั้งหมดไว้ในนั้น รวมถึงเทคโนโลยีเรียลไทม์ ที่เมื่อเกิดเหตุก็จะสามารถเข้าช่วยเหลือได้อย่างรวดเร็ว จะช่วยเรียกความเชื่อมั่นได้ และส่งผลให้เศรษฐกิจภาพรวมของภูเก็ตดีขึ้น

พันเอกเศรษฐพงค์ ยังเชื่อมั่นว่า การใช้ประโยชน์จาก IOT หรือ Internet of Things ซึ่งหมายถึงเทคโนโลยีอินเตอร์เน็ตที่เชื่อมอุปกรณ์ให้สื่อสารกันได้ทั้งหมด จะสามารถช่วยสร้างความมั่นใจให้นักท่องเที่ยวได้ เพราะสามารถที่จะเช็คสภาพอากาศก่อนออกเรือได้ รวมถึงสามารถเช็คได้ว่าเรืออยู่ตรงไหน นักท่องเที่ยวที่ลงเรือเป็นใคร จำนวนเท่าไหร่ ซึ่งข้อมูลเหล่านี้จะมีการบันทึกไว้ทั้งหมด เพื่อทำให้นักท่องเที่ยววางแผนการเดินทางได้อย่างปลอดภัย และเจ้าหน้าที่สามารถใช้ประโยชน์ได้ในการให้ความช่วยเหลือเมื่อมีเหตุไม่คาดฝันเกิดขึ้น

นอกจากนี้สมาร์ทซิตี้ยังช่วยสร้างความปลอดภัยให้กับเมืองภูเก็ตด้วย เพราะกล้อง CCTV สามารถตรวจจับใบหน้า และติดตามผู้กระทำผิดได้ รวมถึงสามารถบันทึกทะเบียนรถที่กระทำผิดกฎหมาย พร้อมส่งข้อมูลเข้าสมาร์ทโฟนของตำรวจที่ประจำจุดได้ทันที