ซาอุฯ ยืนยัน! หลักฐานชี้ชัด โจมตีโรงงานแปรรูปน้ำมันดิบ ฝีมือ "อิหร่าน"

พันเอกตุรกิ อัล มัลกิ บอกกับผู้สื่อข่าวที่กรุุงริยาดห์ว่า จากการสอบสวนโดยซาอุดิอาระเบีย และพันธมิตร ตัวบ่งชี้และหลักฐานทุกอย่าง รวมถึงอาวุธที่ใช้ ชี้ว่าการโจมตีเมื่อช่วงเช้ามืดของวันเสาร์ไม่ได้มาจากเยเมนอย่างที่กลุ่มกบฏเยเมน ซึ่งเป็นพันธมิตรกับอิหร่าน ที่กำลังทำสงครามอยู่กับซาอุดิอาระเบียบอก หากแต่มาจากอิหร่าน เขาบอกด้วยว่ากลุ่มกบฎฮูทีของเเยเมนเป็นแค่เครื่องมือในมือของกองกำลังพิทักษ์การปฏิวัติอิหร่าน และรัฐบาลก่อการร้ายของอิหร่านเท่านั้น

แต่เขาก็ไม่ได้ให้รายละเอียดอะไรเพิ่มเติมเกี่ยวกับเรื่องนี้ โดยบอกว่าผลการสอบสวนจะมีการเปิดเผยต่อสาธารณชน เมื่อการสอบสวนเสร็จสมบูรณ์แล้ว

แต่ในส่วนของประธานาธิบดีฮัสซัน รูฮานี ของอิหร่าน บอกระหว่างการประชุมสุดยอดที่ตุรกีว่าการโจมตีของกลุ่มกบฏเยเมนต่อซาอุดิอาระเบีย เป็นการป้องกันตนเองและการต่อต้านการก่อการร้ายที่ถูกต้อง สำหรับสงครามในเยเมนที่มีซาอุดิอาระเบียเป็นแกนนำ และเขาเชื่อว่าการโจมตีเป็นผลมาจากการที่กลุ่มพันธมิตรนำโดยซาอุดิอาระเบียที่ยังคงโจมตีต่อเยเมนอยู่ทุกเมื่อเชื่อวัน ด้วยอาวุธที่มาจากสหรัฐและยุโรปผ่านทางซาอุดิอาระเบียและสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ เขาบอกด้วยว่า บทสรุปของปัญหาเรื่องนี้คือการยุติการรุกราน เพราะปัญหาเยเมนสามารถหาบทสรุปได้เองอยู่แล้ว ประเทศในภูมิภาคต้องช่วยกันนำสันติภาพมาสู่เยเมน เมื่อเยเมนปลอดภัย การผลิตและการส่งออกน้ำมันก็จะปลอดภัยด้วย

การโจมตีโรงงานแปรรูปน้ำมันดิบของบริษัทอารามโก้ ทำให้ที่นี่สูญเสียกำลังการผลิตน้ำมันวันละ 5 ล้าน 7 แสนบาเรล หรือมากกว่า 5 เปอร์เซ็นต์ของผลผลิตน้ำมันดิบของทั้งโลก ซาอุดิอาระเบียทำสงครามกับกลุ่มกบฏฮูทีในเยเมนมาตั้งแต่ปีต้นปี 2558 แต่การตอบโต้ของกลุ่มกบฎในครั้งนี้ถือว่าสร้างความเสียหายให้กับซาอุดิอาระเบียมากที่สุดนับตั้งแต่ที่เกิดกรณีพิพาทนี้ขึ้น