ฝ่ายค้านเดินหน้าอภิปราย "นายกฯ" ปมถวายสัตย์เมินคำตัดสินศาล รธน.

นายปิยบุตร แสงกนกกุล ส.ส.แบบบัญชีรายชื่อพรรคอนาคตใหม่ กล่าวถึงกรณีที่ศาลรัฐธรรมนูญมีมติเอกฉันท์ ไม่รับคำร้องที่กรณี พล.อ. ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และคณะรัฐมนตรี ถวายสัตย์ปฏิญาณต่อพระมหากษัตริย์ไม่ครบถ้วน เนื่องจากการถวายสัตย์ฯ ต่อพระมหากษัตริย์ไม่อยู่ในอำนาจการตรวจสอบขององค์กรตามรัฐธรรมนูญ ว่า คำสั่งดังกล่าวยิ่งแสดงให้เห็นถึงความชอบธรรมของสภาผู้แทนราษฎรที่จำเป็นต้องตรวจสอบเรื่องนี้ต่อไป 

เพราะหนึ่งเหตุผลที่ศาลรัฐธรรมนูญยกขึ้นเพราะมองว่าเป็นการกระทำของรัฐบาลจึงเป็นเรื่องที่องค์กรตุลาการจะไม่เข้าไปตรวจสอบว่าหรือถูกในทางกฎหมายโดยส่วนตัวคิดว่าประเด็นของการถวายสัตย์ปฏิญาณไม่ครบถ้วนของพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชานั้น เป็นประเด็นที่เกี่ยวข้องกับรัฐธรรมนูญซึ่งเป็นกฏหมายสูงสุด อย่างไรก็ตามคำสั่งศาลรัฐธรรมนูญที่ออกมาเมื่อวานนี้ไม่ได้มีการชี้ว่าถูกหรือผิด เพียงบอกว่า ไม่รับเท่านั้น ทั้งนี้การตรวจสอบมีหลายรูปแบบทั้งทางกฏหมายและการตรวจสอบทางการเมืองผ่านสาธารณะชน ซึ่งสภาเป็นองค์กรทางการเมืองที่ต้องตรวจสอบกันเอง ทั้งการตั้งกระทู้ถามตาม ม.152 หรือ การเปิดอภิปรายและลงมติไม่ไว้วางใจตาม ม.151 หรือการเข้าชื่อเพื่อพิจารณาตรวจสอบถ้ามีการกระทำใดที่ขัดต่อจริยธรรมอย่างร้ายแรงหรือไม่ส่วนในการอภิปรายในวันที่ 18 กันยายนนี้ ทางพรรคฝ่ายค้านได้มีการวางตัวผู้อภิปรายไว้แล้ว แต่ยังไม่ได้มีการจัดสรรเวลากัน โดยตนเองจะเป็นคนอภิปรายคนแรกและใช้เวลาประมาณ 60 นาที โดนมั่นใจว่า 60 นาทีนี้จับกลุ่มเรื่องเนื้อหาสาระล้วนๆ เพื่อให้เห็นความเป็นมาและความสำคัญของการถวายสัตย์ปฏิญาณตามรัฐธรรมนูญ และนอกจากนั้นก็จะเสนอทางออกให้กับ พลเอกประยุทธ์ด้วย และย้ำว่ายังต้องการให้การอภิปรายเป็นไปอย่างเปิดเผย เพราะเป็นแนวทางที่โปร่งใสมากที่สุด และการอภิปรายที่จะเกิดขึ้นก็เจาะจงไปที่ตัวนายกรัฐมนตรีเท่านั้น

นายสุทิน คลังแสง ส.ส.จังหวัดมหาสารคาม พรรคเพื่อไทย ในฐานะประธานวิปฝ่ายค้าน เปิดเผยถึงคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญในกรณีการถวายสัตย์ปฏิญาณตนของนายกรัฐมนตรี พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา จะสามารถเดินหน้าต่อได้ ซึ่งเรื่องนี้มีความคิดเห็นมาจากสองฝ่ายฝ่ายแรก เมื่อไม่สามารถมีองค์กรใดวินิจฉัยได้แล้วก็สมควรที่จะหยุด แต่ส่วนตัวคิดว่าเมื่อวานที่ผ่านมาศาลรัฐธรรมนูญไม่ได้วินิจฉัยชี้ผิดชี้ถูก เพียงแค่ไม่มีอำนาจในการวินิจฉัย ศาลยังวินิจฉัยต่อว่าไม่มีองค์กรตามรัฐธรรมนูญใดที่จะมีอำนาจในการวินิจฉัยเรื่องนี้ได้ จึงต้องกลับมาพิจารณาให้ดีว่าองค์กรอิสระ หมายถึง ป.ป.ช. ศาลรัฐธรรมนูญ ผู้ตรวจการแผ่นดิน และ ป.ป.ง เหล่านี้คือองค์กรอิสระ 

ส่วนสภาคือฝ่ายนิติบัญญัติ ไม่ใช่องค์กรตามรัฐธรรมนูญที่ศาลกล่าวถึง จึงเป็นหน้าที่แห่งความชอบธรรม ที่สภาจะต้องทำตามวิถีทางการเมือง โดยที่ไม่ต้องกังวลใด ๆ เพราะฉะนั้นเรื่องนี้ต้องเดินหน้าต่อ ซึ่งในวันที่ 18 กันยายนที่จะมีญัตติอภิปรายถึงที่มาของงบประมาณ จึงจะนำเรื่องการถวายสัตย์เข้าสู่ที่ประชุมด้วย