เป็นความฮือฮา อย่างมากที่เมื่อนายปิยภัทร สุดศิริ อายุ 31 ปี หรือ เณรดอย เจ้าของแผงพระเครื่องแผงหนึ่งในตลาดชินตา ต.ทับเที่ยง อ.เมือง จ.ตรัง ที่ทำเครื่องรางของขลังเป็นรูปพะยูน "มาเรียม" ออกให้เช่า เมื่อกลางเดือนสิงหาคมที่ผ่านมา มีเนื้อเงินแท้ และเนื้อทองผสม โดยทำเพียง 2,081 ตัว ทุกตัวมีการตอกรหัสและลงอักขระ ผ่านการปลุกเสกจากเกจิอาจารย์ มีมวลสารที่มีเข้มขลัง เพื่อให้เกิดพุทธานุภาพด้านเมตตามหานิยมและพุทธคุณ ใครเห็นใครรักใคร่เอ็นดู ทำมาค้าขึ้น และมีชื่อเสียงโด่งดัง เพียง 2 สัปดาห์ที่วางแผง มียอดสั่งซื้อจำนวนมาก ซึ่งเณรดอยยืนยันหมดแล้วหมดเลย ในจังหวัดตรังมีขายเฉพาะที่แผงของตนเท่านั้น
นายปิยภัทร หรือ เณรดอย บอกว่า สร้างเครื่องราง พะยูนมาเรียม เพื่อแสดงออกในเชิงสัญลักษณ์ซึ่งพะยูนเป็นสัตว์นำโชคของจังหวัดตรัง และมีการนำไปปลุกเสกเพื่อเพิ่มความขลังด้านเมตตามหานิยมและการค้าขายจริง ๆ และได้สร้างเครื่องรางพะยูน ก่อนมาเรียม มาอยู่ที่เกาะลิบง แต่เพราะกระแสมาเรียม จึงตั้งชื่อว่าเครื่องรางมาเรียม
ส่วนคุณเชษฐา ก้อนแก้ว วัย 48 ปีผู้จัดการพระเครื่องตลาดชินตา กล่าวว่า เครื่องรางมาเรียมเป็นการสื่อถึงการช่วยกันอนุรักษ์ ทำให้คนไม่ต้องไปฆ่าพะยูน เพื่อเอาน้ำตาพะยูนมาทำเป็นเครื่องรางของขลัง ปลุกกระแสทำให้คนช่วยอนุรักษ์สัตว์และพะยูนมากขึ้น อยากให้มองเป็นวัตถุเชิงสัญลักษณ์ของ จ.ตรังมากกว่า ไม่อยากให้คิดเกินเลยเพราะที่สำคัญที่สุดขอเน้นย้ำว่าพะยูนเป็นสัญลักษณ์ ของ จ.ตรัง ของเราอยู่แล้ว
แต่หลังจากกระแสข่าวนี้ออกไปชาวบ้านบนเกาะลิบง อ.กันตัง จ.ตรัง ส่วนใหญ่ไม่เห็นด้วยกับการปลุกเสกเครื่องรางของขลังพะยูนมาเรียม แม้จะมีการอ้างเรื่องการจัดสร้างขึ้นก่อนที่จะมีมาเรียมมาอยู่ที่เกาะลิบงก็ตาม แต่ยอมรับได้หากจะทำเป็นของที่ระลึกอย่างใดอย่างหนึ่งที่ไม่ผ่านพิธีกรรมทางศาสนา เพราะคนอิสลามไม่มีความเชื่อเรื่องเครื่องรางของขลัง
ซึ่งคุณลุงสุเทพ ขันชัย อายุ 65 ปี คนตั้งชื่อให้กับมาเรียม กล่าวว่า ในฐานะเป็นหัวหน้ากลุ่มพิทักษ์ดุหยงคิดว่าเป็นความเชื่อส่วนบุคคลห้ามไม่ได้ แม้ส่วนตัวไม่เห็นด้วย แต่ถ้าความเชื่อของบุคคลอื่นที่คิดว่าทำให้ชีวิตของเขาดีขึ้น แต่ไม่กระทบกับพะยูนก็ไม่สามารถห้ามได้ และจะยอมรับได้มากกว่าหากจะทำในรูปแบบของที่ระลึก เพราะจะเป็นรายได้ของชาวบ้าน