คุณหญิงปัทมา ลีสวัสดิ์ตระกูล นายกสมาคมกีฬาแบดมินตันแห่งประเทศไทย ในพระบรมราชูปถัมภ์ เปิดเผยว่า ผลงานของนักแบดมินตันทีมชาติไทย กับการแข่งขันแบดมินตันชิงแชมป์โลก "โทแทล บีดับเบิลยูเอฟ เวิลด์ แชมเปี้ยนชิพส์ 2019" ที่เมืองบาเซิล ประเทศสวิตเซอร์แลนด์
ในรอบชิงชนะเลิศ โดย ประเภทคู่ผสม"บาส"เดชาพล พัววรานุเคราะห์ และ "ปอป้อ"ทรัพย์สิรี แต้รัตนชัย มือ 4 ของโลก และของรายการ พบกับ เจิ้ง ซิ เหว่ย และ หวง หย่า เฉียง คู่มือ 1 ของโลก และของรายการจากจีน แชมป์เก่าในปีที่แล้ว โดย บาส และ ปอป้อ แพ้ไป 2-0 เกม คือ 21-8 และ 21-12 ทำให้นักหวดไทย คว้าเหรียญเงิน
ส่วนในประเภทหญิงเดี่ยว "เมย์ " รัชนก อินทนนท์ มือวาง 7 ของรายการ และ มืออันดับ 8 ของโลก พ่ายต่อ โนโซมิ โอกุฮาระ มือ 4 ของโลกจากญี่ปุ่น 1-2 เกม คือ 21-17, 18-21 และ15-21 ทำให้ "เมย์" ได้เหรียญทองแดง
ส่วน ชายเดี่ยว "กัน" กันตภณ หวังเจริญ มือ 12 ของรายการ มือ15 ของโลก พ่ายต่อ อันเดรส แอนทอนเซ่น มือ 5 ของรายการ และ มือ 9 ของโลกจากเดนมาร์ก 2-0 เกม คือ 21-15 และ 21-10 ส่งผลให้ "กัน" กันตภณ ได้เพียงเหรียญทองแดง เช่นกัน ทั้งนี้ หากประเมินจากผลงาน ถือเป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ ที่ไทยทำผลงานจนมาถึงรอบชิงชนะเลิศ และรอบรองชนะเลิศดังกล่าว
โดยในรายของ " กัน" กันตภณ ที่คว้าเหรียญทองแดง ถือเป็นประวัติศาสตร์ของประเภทชายเดี่ยวไทย ในเวทีชิงแชมป์โลก ทัวร์นาเมนต์นี้ ได้พิสูจน์จิตใจร่างกายและฝีมือที่แข็งแกร่งของ " กัน" กันตภณได้เป็นอย่างดี การพัฒนาที่ดีขึ้นอย่างมาก
ส่วน "เมย์" รัชนก เข้ารอบนี้ เป็นครั้งที่ 2 หลังจากเคยมาถึงรอบตัดเชือกเมื่อปี 2013
ซึ่งเป็นปีที่ "เมย์" คว้าแชมป์ ขณะที่คู่ "บาส-ปอป้อ" ที่ทำผลงานได้เหรียญเงิน แสดงให้เห็นว่าพยายามสู้อย่างเต็มที่แล้ว แต่ต้องยอมรับว่าในช่วงนี้คู่แชมป์โลกจากจีน กำลังอยู่ในช่วงที่ทำผลงานได้อย่างสุดยอด แต่จากผลการแข่งขันในวันนี้ เชื่อว่าทาง "บาส"และ "ปอป้อ" จะนำจุดบกพร่องในวันนี้ มาปรับปรุงและแก้ไขเพื่อพัฒนาต่อไป โดยทั้งคู่มีจุดมุ่งหมายเดียวกัน คือ โอลิมปิกเกมส์ 2020 ที่โตเกียว เชื่อว่าจะเป็นแรงผลักดันให้นักกีฬาไทยทุกคน ได้มุ่งมั่นฝึกซ้อมเพื่อโอกาสที่เพิ่มสูงขึ้นในการลุ้นคว้าแชมป์ระดับนานาชาติต่อไป" ทั้ง บาส-ปอป้อ ได้ร่วมกันสร้างประวัติศาสตร์หน้าใหม่ ให้กับวงการแบดมินตันไทย แม้จะไม่สามารถคว้าแชมป์ได้แต่ก็เป็นคู่ผสมไทยคู่แรกที่เข้าถึงรอบชิงฯ รายการนี้ และน่าจะบ่งบอกให้เราเห็นถึงสัญญาณที่ดีในโอกาสลุ้นคว้าเหรียญรางวัลในโอลิมปิกเกมส์ 2020 ได้อย่างแน่นอน "
คุณหญิงปัทมา กล่าวด้วยว่า ในปีนี้ นอกจากแบดมินตันชิงแชมป์โลกที่จบลงแล้ว นักกีฬาแบดมินตันไทย ยังมีอีกทัวร์นาเมนต์ ที่ต้องลงแข่งคือ "เอชเอสบีซี บีดับเบิลยูเอฟ เวิลด์ ทัวร์ ไฟนอล" ระหว่าง 11-15 ธันวาคม นี้ ที่จีน ซึ่งเป็นการแข่งขันสำหรับนักกีฬาแบดมินตัน จำนวน 8 คน/คู่ ที่มีผลงานยอดเยี่ยมในแต่ละประเภท ประจำปี 2019 รวมทั้งมีคะแนนสะสมสูงมาก ในการลุ้นโควต้าและจัดอันดับมือวาง ในการแข่งขันโอลิมปิกเกมส์ 2020 ที่กรุงโตเกียว ประเทศญี่ปุ่น โดยหากเป็นมือวาง 1-4 มีโอกาสสูงที่จะคว้าเหรียญรางวัลมาครองได้
อย่างไรก็ตามการแข่งขัน "เอชเอสบีซี บีดับเบิลยูเอฟ เวิลด์ ทัวร์ ไฟนอล" ไปคาบเกี่ยวกับการแข่งขันกีฬาแบดมินตันในกีฬาซีเกมส์ ครั้งที่ 30 ระหว่าง 30 พฤศจิกายน - 11 ธันวาคม ที่ฟิลิปปินส์ จึงจำเป็นต้องวางแผนในการเลือกและส่งนักกีฬาแข่งขัน ในแต่ละรายการ เพื่อรักษาความเป็นเจ้าเหรียญทองในกีฬาแบดมินตัน และสร้างโอกาสให้นักกีฬาในการคว้าเหรียญรางวัลในกีฬาโอลิมปิกเกมส์ ซึ่งถือเป็นเป้าหมายสูงสุดของสมาคมฯ และเชื่อว่าคนไทยทุกคนอยากเห็นนักกีฬาแบดมินตันไทยคว้าเหรียญรางวัลประวัติศาสตร์ในมหกรรมโอลิมปิกเกมส์ในปีหน้า" คุณหญิงปัทมา กล่าว