นอกจากการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทยที่มีการปรับเป้ารายได้จากการท่องเที่ยวปีนี้เหลือ 3.38ล้านๆบาท จากเดิม 3.4ล้านๆบาท แล้ว จากปัจจัยลบทั้งภายนอกและภายใน เช่น เหตุการณ์เรือล่มที่ภูเก็ต พิษสงครามการค้า เงินบาทแข็งค่า เงินหยวนอ่อนค่า
ด้านกรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บมจ.ท่าอากาศยานไทย หรือ ทอท. นิตินัย ศิริสมรรถการ เผยว่า ผลประกอบการของ ทอท.ปีนี้ยอมรับว่า กำไรสุทธิงวดปี 2561/2562 (ตุลาคม 2561-กันยายน 2562) จะเติบโตใกล้เคียงปีก่อนที่ 25,000 ล้านบาท เป็นผลจากจำนวนผู้โดยสารที่ปรับลดลง ซึ่ง ทอท. ได้ปรับลดคาดการณ์ผู้โดยสารปีนี้ลงเหลือโต 1.5% จากเดิมคาดโต 6%
เนื่องจากผลกระทบจากเหตุการณ์เรือล่มเมื่อปี2561 เศรษฐกิจโลกที่ยังชะลอตัว ปัญหาสงครามการค้า สายการบินโลว์คอสต์อิ่มตัว เงินบาทแข็งค่า เงินหยวนอ่อนค่า รวมถึงปัญหาความไม่สงบในฮ่องกงด้วย
บริษัทจึงปรับกลยุทธ์เพิ่มสัดส่วนรายได้จากธุรกิจที่ไม่ใช่การบิน (Non-Aero) มากขึ้น
จากปัจจุบันมีสัดส่วนรายได้ Aero และ Non-Aeroที่ 57:43 และจะปรับเป็น 50:50 ในงวดปี 64 ซึ่งในงวดปี 64 จะมีรายได้จากธุรกิจดิวตี้ฟรีที่เป็นสัญญาฉบับใหม่กับคิงเพาเวอร์ ประมาณ 1.5 หมื่นล้านบาท น่าจะทำให้ผลประกอบการของบริษัทเติบโตมากขึ้น
ส่วนความคืบหน้าโครงการก่อสร้างอาคารผู้โดยสารหลังที่ 2 (Terminal 2) ของท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ มูลค่าประมาณ 4.2 หมื่นล้านบาทนั้น ได้นำเสนอต่อกระทรวงคมนาคมเมื่อเดือน พ.ค.ที่ผ่านมา เพื่อขอเดินหน้าโครงการต่อ
ส่วนการทำส่วนต่อขยายด้านตะวันตกของอาคารผู้โดยสาร หลังที่ 1 ต้องรอกระทรวงคมนาคมพิจารณา หากโครงการได้รับการอนุมัติ คาดจะใช้เวลา 1 ปีเศษ ในส่วนของการออกแบบ ทอท.จะดำเนินการเอง และจัดทำรายงานผลกระทบสิ่งแวดล้อม (EIA) ควบคู่กันไป
นอกจากนี้ บมจ.ท่าอากาศยานไทย(ทอท.) ได้เปิดตัวแอปพลิเคชั่น AOT DIGITAL AIRPORTS : สนามบินมีชีวิต ครอบคลุมท่าอากาศยานทั้ง 6 แห่งของ ทอท. นำร่องท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ เพื่อเพิ่มขีดความสามารถ
ในการแข่งขันเชิงธุรกิจและอำนวยความสะดวกให้กับผู้ใช้บริการ โดยการเชื่อมโยงระบบ IT ทั้งหมดในสนามบิน ซึ่งจะมีฟังก์ชันสำหรับผู้โดยสาร ตั้งแต่การสามารถตรวจสอบข้อมูลเที่ยวบินเคาน์เตอร์เช็คอินและสัมภาระมีแผนที่อัจฉริยะสามารถนำทางไปยังจุดต่างๆมีการให้บริการข้อมูลระบบขนส่งสาธารณะการเดินทางภายในท่าอากาศยานและที่สำคัญมีการแจ้งเตือนเที่ยวบินเพื่อให้ผู้โดยสารได้มีเวลาเตรียมตัวก่อนไปท่าอากาศยาน
นอกจากนี้จะเชื่อมโยงระบบไปยังอุตสาหกรรมท่องเที่ยวนอกท่าอากาศยาน การคมนาคมขนส่ง และเชื่อมโยงไปยังท่าอากาศยานพันธมิตร 16 แห่งทั่วโลก
อีกทั้งคาดว่าภายในปี2563จะมีการนำหุ่นยนต์มาให้บริการผู้โดยสารด้วย