"ชลน่าน" จวก "บิ๊กตู่" ไร้ภาวะผู้นำ-ละเลยมาตรฐานจริยธรรม หลังตั้ง "คนมีคดี" นั่งรมว.คลัง

ผู้สื่อข่าวรายงานถึงการประชุมร่วมรัฐสภา เพื่อให้รัฐบาลของพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ และ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม แถลงนโยบายต่อรัฐสภา ตั้งแต่เวลา 14.40 น. การอภิปรายของสมาชิกรัฐสภาสลับการอภิปราย 

ทั้งนี้ นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว ส.ส.น่าน พรรคเพื่อไทย อภิปรายตั้งข้อสังเกตว่า รัฐบาลทำนโยบายแบบซ่อนเร้น ปิดบังรัฐสภา เพราะขาดเป้าหมายและความสำเร็จที่ชัดเจน ทั้งนี้ในนโยบายหลัก 12 ด้านและนโยบายเร่งด่วน 12 เรื่องไม่พบเป้าหมายความสำเร็จ ซึ่งตนมองว่าเป็นการเขียนนโยบายที่ขาดความรับผิดชอบต่อประชาชน และเป็นการเขียนนโยบายที่ถูกวิจารณ์ว่าย้อนยุค เหมือนหน้าไม้ยิงดิน ทั้งนี้ส่วนตัวมองว่าการเขียนนโยบายดังกล่าวอาจจะขัดกับรัฐธรรมนูญ ในประเด็นที่ว่าด้วยหลักธรรมาภิบาล การบริหารบ้านเมืองที่ดี ซึ่งต้องโปร่งใส ตรวจสอบได้ รวมถึงประชาชนมีส่วนร่วม 
"เมื่อรัฐบาลไม่เขียนเป้าหมายความสำเร็จ ทำให้ฝ่ายค้านตรวจสอบความสำเร็จได้ลำบาก นอกจากนั้นยังไม่เขียนงบประมาณที่จะทำ ผมสงสัยว่าจะนำงบประมาณจากไหนเพื่อนำมาใช้ในนโยบายต่างๆ ตามที่รัฐธรรมนูญกำหนดว่าต้องแจงที่มาของงบประมาณที่จะทำมาใช้ในนโยบายด้านต่างๆ และเมื่อรัฐบาลไม่เขียนไว้อาจจะทำให้นโยบายรัฐบาลไม่ถูกต้องตามรัฐธรรมนูญ" นพ.ชลน่าน กล่าว
นพ.ชลน่าน ยังอภิปรายแสดงความไม่มั่นใจต่อความเป็นผู้นำของ พล.อ.ประยุทธ์  เพราะระหว่างการแถลงนโยบาย ตนอ่านข้อความผ่านทวิตเตอร์พบคำถามของหลายคน ถามว่า ฟังไม่ชัด ลิ้นเป็นอะไรหรือไม่ หรือ ป่วยหรือไม่  รวมถึงแสดงความสงสารเยาวชนที่เรียนภาษาไทยไม่รู้เรื่อง ซึ่งสะท้อนถึงภาวะผู้ทำ และความสามารถของการบริหารจัดการ ซึ่งตนมองว่ากรณีที่เกิดขึ้นอาจจะกลายเป็นวิกฤตศรัทธาและความเชื่อมั่น ต่อการนำประเทศไปสู่การพัฒนา นอกจากนั้นยังพบการกระทำที่ละเลยต่อมาตรฐานจริยธรรม คือ การแต่งตั้งบุคคลที่อาจจะขัดคุณสมบัติความเป็นรัฐมนตรีให้ดำรงตำแหน่ง คือ นายอุตตม สาวนายน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังที่มีคดีที่เกี่ยวกับการปล่อยกู้เงินของธนาคารกรุงไทยให้เครือกฤษดามหานคร ซึ่งกรณีดังกล่าวพบว่าบุคคลที่เกี่ยวข้องถูกดำเนินคดียกเว้นนายอุตตม ซึ่งประเด็นดังกล่าวอาจจะเกี่ยวกับการให้การเท็จต่อศาลหรือไม่ อย่างไรก็ตามตนเชื่อว่านโยบายที่ไม่ชัดเจน และพฤติกรรมผู้นำที่มีปัญหา จะทำให้ประเทศไม่ได้รับประโยชน์สูงสุดและประชาชนไม่มีความสุข

จากนั้นนายอุตตม ใช้สิทธิชี้แจง โดยยืนยันว่า คดีกรรมการบริหารธนาคารกรุงไทย ปล่อยเงินกู้ให้กับเครือกฤษดามหานคร ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองมีคำตัดสินที่เป็นที่สิ้นสุด แต่กระบวนการที่รื้อกรณีดังกล่าวเพราะต้องการบิดเบือนข้อเท็จจริงให้สังคมเข้าใจคลาดเคลื่อนและเคลือบแคลงต่อตนในประเด็นคุณสมบัติการดำรงตำแหนง่รัฐมนตรี ทั้งนี้ตนยินดีให้ตรวจสอบ 
"เมื่อคนไม่ผิดแต่เดิม แต่ตอนนี้หาเหตุว่าผิดจะได้อย่างไร เรื่องคดีปล่อยเงินกู้ของธนาคารกรุงไทย มีกระบวนการ ตรวจสอบ สอบสวน และไต่สวนมาแล้วระดับหนึ่งมีรายละเอียด ซึ่งผมพร้อมชี้แจงในคราวต่อไป เพื่อไม่ให้เสียเวลาที่ประชุม"นายอุตตม ชี้แจง