ประเด็นสำคัญคือ การพูดคุยระหว่างนายสมศักดิ์และคุณหญิงสุดารัตน์ในเวลานั้น เหตุใดสุดท้ายแล้วจึงไม่ได้ร่วมงานกัน เพราะคนที่ชักชวนไม่มีความน่าเชื่อหรือไม่ นายสมศักดิ์จึงตัดสินใจไม่ไปร่วมงานด้วย พร้อมระบุการทำงานร่วมกับใครสักคน คนๆ นั้นต้องเป็นที่ยอมรับของบุคคลทั่วไป และเมื่อถูกปฏิเสธที่จะร่วมงานด้วยก็ต้องนำกลับไปคิด ไม่ใช่ออกมาโวยวายว่าอีกฝ่ายไม่เคารพกติกา เป็นพวกสืบทอดอำนาจ ไม่เคารพประชาธิปไตย อยากให้ย้อนกลับไปศึกษาประวัติศาสตร์ว่า แต่ละประเทศที่เขาเป็นประชาธิปไตยนั้นก็มีความต่างในแบบของตนเอง การอ้างว่าประเทศไทยไม่มีประชาธิปไตยนั้น แล้วเวลาเขาประกาศให้มีการเลือกตั้ง คุณจะมาลงเลือกตั้งหาพระแสงอะไร และอย่าอ้างว่าเป็นนักการเมืองตามระบอบประชาธิปไตยจึงลงเลือกตั้ง เพราะลำพังประชาธิปไตยในการคัดเลือกตัวผู้สมัคร ส.ส.ของพรรคตัวเองเคยหาเจอแล้วหรือยัง เห็นมีแต่ข่าวพวกฉัน เด็กฉัน ถึงจะได้ลง
ส่วนกรณีที่ระบุว่าการจะมารวมกับพรรคเพื่อไทยเพราะไม่ได้ตำแหน่งหรือไม่ได้กระทรวงที่ตัวเองต้องการ เป็นการต่อรองเพื่อประโยชน์ส่วนตัวจนเป็นเหตุให้คุณหญิงสุดารัตน์ปฏิเสธนั้น การออกมาแถลงข่าวของนายสมศักดิ์ครั้งนี้ก็เพราะมีคนตั้งใจป้ายสีว่าเกิดปัญหาในการต่อรองตำแหน่งกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ท่านจึงต้องมาชี้แจง เราไม่เคยต่อรองตีรวนใดๆ เรามีความเป็นลูกผู้ชายพอ นายจิรายุก็แค่ป้ายสีพรรคการเมืองที่เห็นต่างไปวันๆ หวังจะได้มีชื่อโผล่ในข่าวบ้างก็เท่านั้น ลองนึกย้อนไปถึงวันที่ประชาชนออกมาเดินเต็มถนนในวันนั้นดูบ้าง เพราะเขาไม่เห็นด้วยกับสิ่งที่พรรคเพื่อไทยพยายามผ่านกฏหมายนิรโทษกรรมเพื่อช่วยใครบางคนใช่หรือไม่
นายธนกร กล่าวด้วยว่า ส่วนกรณีที่นายจิรายุระบุว่า เคยถามพรรคเพื่อไทยว่าจะต้อนรับหรือไม่ และถ้าเจ๋งจริงดึง 30 เสียงออกมาเป็นฝ่ายค้านอิสระจะเท่กว่า ชาวบ้านจะสาธุนั้น พรรคพลังประชารัฐไม่เคยคิดแค่ว่าจะต้องทำเท่ไปวันๆ แต่เราเสนอตัวเพื่อเข้ามาดูแลประชาชน เรามีนโยบายชัดเจนที่ต้องเร่งดำเนินการเพื่อปากท้องของชาวบ้าน เราทำงานอย่างมีอุดมการณ์ และเชื่อว่านายกรัฐมนตรีที่พรรคเสนออย่าง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชานั้นเป็นคนดี และจะทำงานเพื่อพี่น้องประชาชนอย่างแน่นอน