26 พ.ค. 62 - บริษัทเอกชนเจ้าของเรือที่เกิดเหตุเพลิงไหม้ที่ท่าเรือแหลมฉบังเมื่อวานนี้ออกมาเปิดเผยกับสื่อมวลชน ในการแถลงข่าวร่วมกันของหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทั้งการท่าเรือฯ กรมเจ้าท่า กรมควบคุมมลพิษ กองทัพเรือ เพื่อชี้แจงถึงความคืบหน้าในการระงับเหตุเพลิงไหม้ สารเคมีในเรือบรรทุกสินค้าดังกล่าว
และจากกระแสข่าวก่อนหน้านี้ ที่ว่าเรือบรรทุกสินค้าบริษัทตน ลักลอบขน สารเคมีอันตรายโดยไม่สำแดงต่อเจ้าหน้าที่ท่าเรือแหลมฉบัง นาย จตุพร อัครกำธร ตัวแทน สายเรือ KMTC บอกว่าไม่มีการลักลอบขนสารเคมีอันตรายตามข่าว ตัวสินค้าในตู้สินค้าไม่ปรากฎชื่อรายชื่อของสารเคมี 13 ตู้ที่ท่าเรือแหลมฉบังนั้นเพราะว่า เป็นสินค้า ที่มีปลายทางขนถ่ายที่ท่าเรือกรุงเทพ จึงทำให้ไม่ปรากฎชื่อสิ้นค้าที่ท่าเรือแหลมฉบัง แต่ชื่อสินค้า จะไปปรากฎที่ท่าเรือยูนิไทยที่กรุงเทพฯ ตามเอกสารฉบับนี้
ด้าน ผอ.ศูนย์ควบคุมมลพิษ จังหวัด ระยอง บอกว่า ได้มีการตรวจวัดค่าก๊าซ ที่เกิดเพลิงใหม้ ตั้งแต่เมื่อวานนี้ พบ สารแคลเซียมไฮโปรคลอไรต์ มีลักษณะผงสีขาวเม็ดเล็ด จำนวนมาก มีกลิ่นเหมือนคลอรีน บรรจุอยู่ใน13 ตู้คอนเทนเนอร์ ซึ่งสารดังกล่าวส่งผล ทำให้ระคายเคืองต่อผิวหนัง สอดรับกับข้อมูลที่ชาวบ้านได้รับผลกระทบ ที่พบ ละอองสีขาวปลิวมาที่ตัวรถ และทำให้ระคายเคืองผิวหนัง โดย สันนิษฐาน ว่า ผงสีขาวที่มีสารแคลเซียมไฮโปรคลอไรต์ เป็นตัวช่วยเพิ่มการเผาไหม้ความร้อน โดยจะเห็นว่าขณะที่เกิดเหตุระเบิด จะมีควันสีขาวระเบิดออกมา จากการประเมินสถานการณ์และตรวจสอบ สารเคมีดังกล่าว เป็นสาเหตุหลักในการเกิดเหตุระเบิดเรือบรรทุกสินค้าในครั้งนี้
ทั้งนี้ ได้มีการตรวจวัดก๊าซคลอรีนเพิ่มเติม บริเวณท่าเรือ ใกล้เคียง 7 จุด พบค่าสารเคมี3 ชนิด ลดลงไม่ส่งผลต่อคุณภาพอากาศ ส่วนน้ำดับเพลิง ยอมรับว่ามีการรั่วลงทะเล เนื่องจากในการดับเพลิงต้องมีการฉีดน้ำหล่อเย็นตลอด จำเป็นต้องมีการระบายน้ำดับเพลิง ออกเนื่องจากป้องกันเหตุเรือล่ม น้ำบางส่วน กรมเจ้าท่า ได้นำบูมมากั้นไว้ อนาคต จะสูบน้ำเสียในเรือดับเพลิงไปบำบัดน้ำเสียยังภายนอก ส่วนผลกระทบทางทะเล อยู่ระหว่างการเก็บตัวอย่างน้ำในทะเลไปตรวจสอบ
ด้าน เรือโท กมลศักดิ์ พรหมประยูร ผู้อำนวยการการท่าเรือแห่งประเทศไทย บอกว่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นอยู่ในชั้นของพนักงานสืบสวนสอบสวนเจ้าหน้าที่ตำรวจซึ่งยังไม่มีการแจ้งข้อกล่าวหาหรือดำเนินคดีกับผู้ใดในขณะที่ตลอดทั้งวันที่ผ่านมาและเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อวานนี้ มีฝนตกลงมาในช่วงค่ำคืน แต่ช่วงบ่ายที่ผ่านมา ยังคงพบกลุ่มควันปะทุขึ้นในจุดเกิดเหตุ และภายในตู้บรรทุกสินค้ายังคงมีความร้อนสูงอันตรายเกินกว่าที่เจ้าหน้าที่จะเข้าไปตรวจสอบ ในสถานการณ์เช่นนี้สิ่งที่ทางการท่าเรือและกรมเจ้าท่ารวมทั้งหน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการเร็วที่สุดคือการระงับเหตุให้เรียบร้อยโดยคาดว่าจะเปิดท่าเรือ A2 และท่าเรือรอบๆเช่นท่าเรือ A0 ได้ภายในสัปดาห์หน้า
.
วชิรวิทย์ บำรุงชัย ผู้สื่อข่าวเนชั่นทีวี รายงานว่ากลุ่มสื่อมวลชนและผู้เข้าร่วมฟังการแถลงข่าวครั้งนี้ยังคงมีคำถามคาใจเกี่ยวกับการแสดงสินค้าซึ่งเป็นสารเคมีอันตราย ที่ถึงแม้ว่าจะไม่ขนถ่ายลงที่ท่าเรือแหลมฉบังแต่ก็ควรจะต้องสำแดงหรือบอกกล่าวให้เจ้าหน้าที่ได้รับรู้เพื่อความปลอดภัย ในที่สุดแล้วทางฝั่งของเอกชนยืนยันว่าได้ปฏิบัติตามข้อกฎหมายถูกต้อง แต่คำถามก็คืออุบัติเหตุที่เกิดขึ้นเกิดจากช่องโหว่ทางกฎหมายหรือไม่ และหลังจากนี้การท่าเรือจะมีการป้องกันในระยะยาวอย่างไร เป็นคำถามที่ถูกถามขึ้นในที่แถลงข่าวแต่ไม่มีคำตอบ