นายชาญวิทย์ นาคบุรี รองผู้อำนวยการ สคร. ในฐานะโฆษก สคร. กล่าวเสริมว่า รัฐวิสาหกิจปีงบประมาณ จำนวน 34 แห่ง เบิกจ่ายงบลงทุนสะสมจำนวน 28,875 ล้านบาท หรือคิดเป็นร้อยละ 53 ของแผนการเบิกจ่ายงบลงทุนสะสม และรัฐวิสาหกิจปีปฏิทินจำนวน 11 แห่ง เบิกจ่ายงบลงทุนสะสมจำนวน 8,741 ล้านบาท หรือคิดเป็นร้อยละ 109 ของแผนการเบิกจ่ายงบลงทุนสะสม โดยมีโครงการลงทุนขนาดใหญ่ที่สามารถเบิกจ่ายได้ตามเป้าหมาย เช่น โครงการรถไฟฟ้าสายสีส้ม ช่วงศูนย์วัฒนธรรม - มีนบุรี ของการรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย งานก่อสร้างปรับปรุงขยายของการประปาส่วนภูมิภาค โครงการจัดซื้อรถโดยสารใช้ก๊าซ NGV ขององค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ และโครงการโรงไฟฟ้าบางปะกง (ทดแทนเครื่องที่ 1 2) ของการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย ทั้งนี้ โครงการลงทุนขนาดใหญ่ที่มีการเบิกจ่ายงบลงทุนล่าช้า ได้แก่ โครงการรถไฟฟ้าความเร็วสูงไทย จีน ระยะที่ 1 (ช่วงกรุงเทพมหานคร - นครราชสีมา) ของ รฟท. และโครงการพัฒนาท่าอากาศยานสุวรรณภูมิของ ทอท.
นายประภาศ คงเอียด ผู้อำนวยการ สคร. กล่าวสรุปว่า สคร. ได้กำกับดูแลการเบิกจ่ายงบลงทุนของรัฐวิสาหกิจร่วมกับกรรมการผู้แทนกระทรวงการคลังในคณะกรรมการรัฐวิสาหกิจและผู้บริหารสูงสุดอย่างใกล้ชิดมากขึ้น เพื่อให้การลงทุนของรัฐวิสาหกิจเป็นไปตามเป้าหมายที่คณะรัฐมนตรีอนุมัติไว้ นอกจากนี้ สคร. ยังอยู่ระหว่างการปรับปรุงการประเมินผลงานด้านการเบิกจ่ายงบลงทุนของคณะกรรมการรัฐวิสาหกิจและผู้บริหารสูงสุดให้เข้มข้นมากขึ้นและสอดคล้องกับวงเงินลงทุนของรัฐวิสาหกิจแต่ละแห่ง ซึ่งจะสามารถเร่งรัดการเบิกจ่ายงบลงทุนให้เป็นไปตามเป้าหมาย