svasdssvasds
เนชั่นทีวี

ข่าว

เตือนภัย"แกร็บคาร์" เชียงใหม่ บังคับจ่ายเต็ม

01 กันยายน 2561
เกาะติดข่าวสาร >> Nation Story
logoline

หนุ่มกรุงเทพฯ เตือนภัย "แกร็บคาร์"เชียงใหม่ แฉถูกให้ยกเลิกบุ๊คกิ้ง-บังคับจ่ายเต็ม หลังโทรร้องเรียน โชเฟอร์ถูกเลิกสัญญาขับ โวยวายขอดูกล้องวงจรปิดร้านเครื่องเสียงต้นทาง เพื่อดูหน้าผู้โดยสาร หลังเรียกแกร็บคาร์ (grab car) ผ่านแอพพลิเคชั่นจากหน้าหมู่บ้านพิมุกข์ 3 ต.สันพระเนตร อ.สันทราย จ.เชียงใหม่

นายภูทะเล (นามสมมุติ) อายุ 33 ปี ชาวกรุงเทพฯ เปิดเผยกับ "ศูนย์ข่าวภาคเหนือ เครือเนชั่น"ว่า เมื่อวันที่ 30 สิงหาคม 2561 ที่ผ่านมา ตนได้เรียกแกร็บคาร์ (grab car) ผ่านแอพพลิเคชั่นจากหน้าหมู่บ้านพิมุกข์ 3 ต.สันพระเนตร อ.สันทราย จ.เชียงใหม่ เดินทางไปท่าอากาศยานนานาชาติเชียงใหม่ ภายหลังมาทำงานที่ จ.เชียงใหม่ จนเรียบร้อย เพื่อขึ้นเครื่องกลับกรุงเทพฯ ซึ่งในแอพพลิเคชั่นได้ตกลงในราคา 284 บาท


จนกระทั่งเมื่อเวลาประมาณ 14.30 น.วันเดียวกัน คนขับรถแกร็บคาร์ อายุประมาณ 40 กว่าปี ไว้ผมยาว มัดผม ได้ขับรถมารับและขอให้นั่งด้านหน้า ตรงนี้ตนพอเข้าใจได้เนื่องจากที่ผ่านมาพอทราบข่าวเรื่องความขัดแย้งระหว่างแท็กซี่สนามบิน กับแกร๊บคาร์ จึงไม่ได้ติดใจอะไร พอรถออกได้ประมาณ 3 วินาที คนขับรถก็ถามว่าใช้บริการแกร๊บคาร์ประจำหรือไม่ ตนก็ตอบว่าเป็นประจำและพยายามขอร้องให้ตนยกเลิก "บุ๊คกิ้ง"ในแอพพลิเคชั่น ตนก็งง จึงถามว่ามีเหตุผลอะไรและตนพยายามบ่ายเบี่ยง เพราะตนไม่อยากกด จากนั้นเขาก็จอดรถข้างทางเลย พยายามจะให้ตนกดให้ได้ ประกอบกับบุคคลิกคนขับูน่ากลัว ตนจึงจำใจต้องกดยกเลิกในตอนนั้น


"ระหว่างทางก็พยายามชวนคุย และบอกว่าเขามีเพื่อนเป็นผู้ใหญ่ เป็นตำรวจ เป็นนั่นเป็นนี่ ฟังแล้วน่ากลัวมาก ดูวิกลจริตเล็กน้อย แถมขับรถดูอันตราย พอใกล้ถึงถึงสนามบิน ผมจะจ่ายเงิน ซึ่งก่อนหน้าที่จะขอร้องให้ยกเลิกบุ๊คกิ้ง บอกว่าลดราคาให้ แต่เมื่อถึงจุดหมายกลับจะเก็บค่าบริการตามยอดเดิม 284 บาท"นายภูทะเล กล่าว


หนุ่มกรุงเทพฯรายนี้ กล่าวต่อว่า ตามปกติค่ารถจะต้องจ่ายจริงตามแอพพลิเคชั่น 284 บาท และหากเป็นของแกร็บคาร์ จะลดไปอีก 25% โดยประมาณก็น่าจะ 200 กว่าบาท ตนจึงจ่ายให้เขาไป 210 บาท แต่คนขับรถกลับไม่พอใจและพยายามบอกว่าเขาควรจะได้เต็มจำนวน 284 บาท มิฉะนั้นเขาไม่ควรเสี่ยงที่จะให้ยกเลิกบุ๊คกิ้่ง จากนั้นก็เริ่มพูดจาไม่ดี สุดท้ายเลยต้องจ่ายให้ 310 บาทแล้ว ก่อนแยกย้ายตนก็พูดเตือนสติคนขับรถไปว่าเขาทำแบบไม่ถูกต้อง


จากนั้นผมก็ได้โทรศัพท์ร้องเรียนไปที่แกร๊บคาร์ สำนักงานใหญ่ ถึงพฤติกรรมของคนขับรถดังกล่าว เมื่อเวลาผ่านไปประมาณ 1 ชั่วโมง ตนได้ลงเครื่องที่กรุงเทพฯ ได้เจ้าหน้าที่แกร๊บคาร์ ได้โทรศัพท์มาหา พร้อมกับแจ้งว่าทางคนขับรถปฎิเสธไม่ได้ให้บริการ อ้างว่าอารมณ์ไม่ดีจึงไม่ได้รับตนขึ้นรถมาส่งสนามบิน ทั้งที่ก่อนหน้านี้ ทางเจ้าหน้าที่อธิบายว่าเขามีวิธีการที่จะทำให้คนขับไม่ทราบว่าคนร้องเรียนเป็นใคร แต่การดำเนินการของแกร๊บคาร์ ไม่ถูกต้องเพราะเวลาห่างกันเพียง 1 ชั่วโมง ทางคนขับรถก็ทราบกรณีนี้เป็นใคร ถือว่าไม่ปลอดภัยกับลูกค้า


นายภูทะเล กล่าวว่า ในเวลาประมาณ 19.00 น.วันที่ 30 สิงหาคม คนขับรถโทรศัพท์ไปที่ร้านเรื่องเสียงแห่งหนึ่งที่อยู่ด้านหน้าหมู่บ้านพิมุกข์ 3 ซึ่งเป็นจุดต้นทางที่มารับตนไปสนามบิน เพื่อสอบถามว่ารู้จักตนหรือไม่ เขาพยายามอ้างว่าตนทำให้เขาเสียหายถูกยกเลิกสัญญาว่าจ้างขับรถให้กับแกร๊บคาร์ จนสูญเสียอาชีพ ไม่มีรายได้ที่จะมาดูแลแม่ที่ป่วยเป็นมะเร็ง ทางร้านเห็นท่าทางไม่ดีก็พยายามบ่ายเบี่ยงและปฎิเสธ


ต่อมาเวลาประมาณ 14.00 น.วันที่ 31 สิงหาคม คนขับรถได้โทรศัพท์ไปที่ร้านเครื่องเสียงอีกครั้ง ขอเข้าไปที่ี่ร้านดูกล้องวงจรปิดเพื่อขอดูหน้าตน พร้อมกับเอะอะโวยวาย จนเกือบจะทะเลาะกัน ในที่สุดทางร้านไม่อนุญาตให้ดูกล้องวงจรปิดแต่อย่างใด ขณะเดียวกัน เพื่อความปลอดภัยส่วนตัว ได้บล็อกเบอร์ของคนขับรถคู่กรณี ซึ่งที่ผ่านมาพยายามโทรมาหาตน แต่ตนไม่รับเพราะไม่ทราบวัตถุประสงค์ พร้อมตั้งค่าในไลน์ (Line)ใหม่ เพื่อไม่ให้เพิ่มชื่อโดยอัติโนมัติและลบภาพในไลน์ออกหมด เพื่อไม่ให้เขาสืบหาตัวตนได้


"กรณีนี้ถ้าผมไม่ได้ลงที่สนามบิน ผมไปลงที่บ้าน จะเกิดอะไรขึ้น เขาคงจะตามไปที่บ้าน ตรงนี้เป็นสิ่งที่ต้องเตือนภัยให้กับสังคมรู้ว่ามันอันตราย ห้ามนั่งหน้ากับแกร๊บ ให้นั่งหรือทำตัวเหมือนนั่งรถสาธารณะ ทางแกร๊บจะต้องเน้นความปลอดภัยของลูกค้า"นายภูทะเล กล่าว


นายภูทะเล กล่าวอีกว่า ในตอนแรกถามว่าถ้าตนจะแจ้งความฟ้องร้องต้องแจ้งใคร ทางแกร็บคาร์ บอกว่าต้องแจ้งกับคนขับ ตนก็เข้าใจ แต่สิ่งที่ตนไม่โอเคการทำงานของแกร๊บคาร์ ก็คือไม่คำนึงถึงความปลอดภัยของผู้ใช้บริการ เน้นแต่ความเร็วอย่างเดียว ตรงนี้ตนมองว่าแกร๊บคาร์มีปัญหา หากถ้าไม่ได้เกิดกับตนแต่เกิดผู้หญิงหรือเด็ก จะเป็นอย่างไร


ทั้งนี้ ที่ผ่านมาตนมีความเชื่อว่าการเรียกแกร๊บคาร์ ปลอดภัยกว่าแท็กซี่ เพราะว่ามีแทร็กกิ้ง แต่พอแทร็กกิ้งได้ จึงเกิดปัญหา อย่างไรก็ตาม ตนมองว่าแกร๊บคาร์มาตรฐานแตกต่างจากอูเบอร์มาก เพราะคนขับถูกฝึกอบรมและมีมารยาทดี แต่ของแกร๊บคาร์ทุกวันนี้ไม่ต่างอะไรกับแท็กซี่ เหมือนเอาใครก็ได้มาขับรถ ยิ่งเกิดกรณีของตน เหมือนกับเขาไม่ได้คำถึงความปลอดภัยเน้นแต่ความรวดเร็ว

logoline