โดยครั้งนี้ทนายของ "นกน้อย" ได้ชี้แจ้งว่า แม่นกน้อยไม่ได้มีข้อเกี่ยวข้องกับทางหนี้สิ้นก้อนนี้ ซึ่งทางผู้เสียหายได้แจ้งความว่าทาง "แม่นกน้อย" ฉ้อโกง ซึ่งในส่วนของข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้นทางทนายได้เปิดเผยว่า ทางคู่กรณี สุดารัตน์ ภูผามีการดำเนินขายฝากที่ดิน โดยทางกรมที่ดินต้องมีการสอนถามของสัญญาต่างๆ ก่อนในขั้นตอนการขายฝาก และถ้าทางคู่กรณีบอกว่าไม่ทราบถึงเรื่อง "แม่นกน้อย" เอาที่ดินไปขายฝาก ถือว่าไม่เป็นความจริงและทำให้เสียชื่อเสียง โดยในวันที่ถูกแจ้งความทางคณะเสียงอีสานฯ ได้ทำการแสดงที่ประเทศไต้หวันและได้รับข่าวสารข้อมูลอย่างต่อเนื่อง
สำหรับคู่กรณีแม่นกน้อยยอมรับว่ามีการรู้จักจริง ซึ่งได้รู้จักผ่านทางบุคคลที่3 เป็นคนแนะนำ และไดรู้จักกันในวันแต่งงานของทาง สุดารัตน์ ที่ได้ว่าจ้างคณะเสียงอีสานไปเปิดทำการแสดง และทำให้ได้เริ่มคุยร่วมกันทำธุรกิจเกี่ยวการงานแสดงงานโชว์ต่าง เนื่องจากทางคู่กรณีได้ก่อตั้งบริษัทเพื่อรับงานออแกไนน์รวมไปถึงการแสดงของศิลปินต่างๆ และหลังจากนั้นทางคู่กรณีและคณะเสียงอีสานได้มีการร่วมงานกันอยู่บ้าง
และหลังจากนี้ "แม่นกน้อย" เผยว่า ตนก็ยังไม่รู้ว่าจะร่วมทำธุรกิจกับทาง สุดารัตน์ อีกหรือไม่ ขอให้จบเรื่องนี้ก่อน ซึ่งทาง นกน้อย ยังเผยอีกว่า ยังไม่ได้พูดคุยหรือเจอกับทางคู่กรณี แต่ที่ออกมาแถลงในครั้งนี้ไม่ได้อยากเพื่อจะชนะคดีแค่อยากชี้แจงเพื่อให้ทางคณะเสียงอีสานฯ ได้ดำเนินชีวิตต่อของตนเองต่อไป ทั้งงานโชว์งานแสดงและการใช้ชีวิตของชาวคณะเสียงอีสานฯ
ซึ่ง แม่นกน้อย ได้ขอบคุณแฟนๆ ทุกท่านที่ให้กำลังใจและขอบคุณสื่อทุกแขนงที่ให้ความสำคัญของข่าวนี้ และขอยืนยันว่าจะไม่มีการยุบวงแต่อย่างใดแน่นอน ส่วนทางต้นสังกัดท็อปไลน์มิวสิค ได้ออกมายืนยันอีกครั้งว่าทางคณะเสียงอีสานยังมีการรับงานต่อและอยากให้ประชาชนหรือแฟนๆ เสียงอีสานรับข่าวสาร 2 ด้าน