วันที่ 9 ส.ค.61 ที่โรงแรมเลอ เมอริเดียน เชียงราย รีสอร์ท นายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม เป็นประธานเปิดงานสัมมนาสร้างการรับรู้และความเข้าในโครงการก่อสร้างทางรถไฟ สายเด่นชัย เชียงราย เชียงของ เพื่อให้ทุกภาคส่วนเตรียมความพร้อมรองรับการพัฒนาโครงการฯ พร้อมรับฟังข้อคิดเห็นจากผู้เข้าร่วมสัมมนา โดยมีนายวรวุฒิ มาลา รองผู้ว่าการกลุ่มธุรกิจการบริหารทรัพย์สิน รักษาการในตำแหน่งผู้ว่าการถไฟแห่งประเทศไทย นายสมบูรณ์ ศิริเวช รองผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงราย ผู้แทนจากหน่วยงานภาครัฐ รัฐวิสาหกิจ ภาคเอกชน สถาบันการศึกษา และผู้ที่สนใจเข้าร่วมเข้าร่วมงานกว่า 400 คน
ในงานนี้มีนายอาคม กล่าวเปิดงานและปาฐกถาพิเศษ หัวข้อ "กระทรวงคมนาคมกับการขับเคลื่อน จังหวัดเชียงราย มุ่งสู่การเป็นศูนย์กลางทางเศรษฐกิจ ของกลุ่มจังหวัดภาคเหนือ" โดยมีเนื้อหาเกี่ยวกับแนวนโยบาย ในการพัฒนาด้านคมนาคมขนส่งในภาคเหนือของประเทศไทย โดยเฉพาะระบบรางที่จะเข้ามา มีบทบาทในการพัฒนาเศรษฐกิจภาคเหนือ รวมไปถึงการเชื่อมโยงภูมิภาค และการค้าระหว่างประเทศ ก่อนจะมีการเสวนาแลกเปลี่ยนมุมมองจากภาคส่วนต่างๆ ในจังหวัดเชียงราย ในหัวข้อ "ภาคเหนือเร่งเครื่อง เดินหน้า คว้าโอกาส...รถไฟสายใหม่ เด่นชัย เชียงราย - เชียงของ"
นายวรวุฒิ มาลา ได้พูดถึงข้อมูลเบื้องต้นของโครงการประโยชน์ของประเทศไทย และที่สำคัญประโยชน์ที่จะเกิดขึ้นกับคนเชียงราย บทบาทของ รฟท. ในการเร่งรัด ผลักดันให้โครงการนี้เดินหน้าต่อไป นอกจากนี้ ได้มีการแลกเปลี่ยนมุมมองความคิดเห็นจากภาคส่วนต่างๆ ในพื้นที่ ไม่ว่าจะเป็น นายสมบูรณ์ ศิริเวช รองผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงราย ที่มาพูดถึงรถไฟสายประวัติศาสตร์ที่ชาวเชียงรายรอคอยมากว่า 50 ปี ตลอดจนการเตรียมความพร้อมของจังหวัดเชียงราย หากมีการกระตุ้นเศรษฐกิจจากหลากหลายช่องทาง และวิทยากรอีก 3 ท่าน คือ นายพรเทพ อินทะชัย ประธานหอการค้าจังหวัดเชียงราย นายฉัตรชัย พัฒนานุภาพ ประธานสภาอุตสาหกรรมจังหวัดเชียงราย และ นายกิตติ ทิศสกุล ประธานสภาอุตสาหกรรมท่องเที่ยงจังหวัดเชียงราย พูดถึงทิศทางการเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจและการท่อเที่ยวของจังหวัดเชียงราย และความต้องการ ตลอดจนเงื่อนไขการพัฒนาที่เกี่ยวข้อง เพื่อสร้างให้จังหวัดเชียงรายเป็นศูนย์กลางโลจิสติกส์ของภูมิภาค
นายอาคม กล่าวว่า สำหรับโครงการรถไฟทางคู่สายเด่นชัย-เชียงราย-เชียงของ เป็นหนึ่งในแผนงานของแผนยุทธศาสตร์การพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านคมนาคมขนส่งของไทย พ.ศ.2558-2565 ล่าสุด คณะรัฐมนตรีได้มีมติอนุมัติโครงการก่อสร้างเมื่อวันที่ 31 ก.ค.ที่ผ่านมา กระทรวงคมนาคม โดยการรถไฟแห่งประเทศไทย จึงเร่งรัดโครงการให้แล้วเสร็จได้ ในปี 2566 จากเดิมที่จะแล้วเสร็จในปี 2568 ด้วยมูลค่าโครงการ 85,345 ล้านบาท โดยโครงการฯ มีจุดเริ่มต้นที่สถานีเด่นชัย จังหวัดแพร่ มุ่งไปทางทิศเหนือผ่านพื้นที่ 59 ตำบล 17 อำเภอ 4 จังหวัด ได้แก่ จังหวัดแพร่ ลำปาง พะเยา และสิ้นสุดที่ด่านพรมแดนเชียงของ จังหวัดเชียงราย รวมระยะทาง 323.10 กม. มีสถานีทั้งสิ้น 26 สถานี ประกอบด้วย สถานีขนาดใหญ่ 4 สถานี สถานีขนาดเล็ก 9 สถานี และป้ายหยุดรถ 13 แห่ง โดยมีลานขนถ่ายสินค้าจำนวน 4 แห่ง และย่านกองเก็บ และบรรทุกตู้สินค้า 1 แห่ง ที่สถานีเชียงของ บนพื้นที่ 150 ไร่ พร้อมแนวถนนเชื่อมต่อด่านชายแดนเชียงของ
โครงการนี้ มีจุดเด่นที่สำคัญคือเป็นโครงการที่ก่อสร้าง โดยไม่มีจุดตัดทางแยกรถไฟเพื่อเพิ่มความปลอดภัย โดยมีการออกแบบรั้วกั้นเขตแนวสายทางของการรถไฟฯ และออกแบบสะพานรถไฟ สะพานรถยนต์ข้ามทางรถไฟ ทางรถยนต์ลอดรถไฟ ทางเชื่อมรวมและกระจายจราจร ตลอดจนสะพานลอย ทางเท้า และทางรถจักรยานยนต์ข้ามและลอดทางรถไฟ รวมประมาณ 254 จุด ตลอดแนวเส้นทาง และยังมีอุโมงค์คู่ตามแนวเส้นทางที่พาดผ่านพื้นที่ภูเขา รวมระยะทางประมาณ 13.9 กม. เพื่อให้สามารถเพิ่มระดับความเร็วในการเดินทางขนส่งได้อย่างปลอดภัยด้วย ทั้งนี้ เมื่อโครงการนี้ ดำเนินการแล้วเสร็จและเปิดให้บริการในปี 2566 จะรองรับผู้โดยสารได้ถึง 5,600 คนต่อวัน และรองรับได้ถึง 9,800 คนต่อวัน
คาดการณ์ว่าในปี 2595 จะสร้างอัตราการเติบโตของผู้โดยสารได้ถึงร้อยละ 1.95 ต่อปี และอัตรา การเติบโตของสินค้าประมาณร้อยละ 4.65 ต่อปี นอกจากนี้ ยังสามารถรองรับปริมาณตู้สินค้าได้ถึง 413,417 ทีอียูต่อปี ในปี 2566 และเพิ่มเป็น 951,955 อีทียูต่อปี ในปี 2595 ซึ่งจะช่วยเพิ่มอัตราการเติบโตของมูลค่าการนำเข้า-ส่งออก ผ่านด่านเป็นร้อยละ 30-40 ต่อปี โครงการนี้จึงเป็นเส้นทางสำคัญเพื่อเชื่อมเศรษฐกิจแนวเหนือ-ใต้ เชื่อมอนุภาคลุ่มแม่น้ำโขง เชื่อมต่อกับเส้นทางรถไฟของ สปป.ลาว ที่จะมุ่งตรงสู่เมืองคุนหมิง สาธารณรัฐประชาชนจีน และยังสามารถขนถ่ายสินค้าออกสู่ทะเลทางท่าเรือแหลมฉบังได้ด้วย รองรับนโยบายจัดตั้งเขตพัฒนาเศรษฐกิจพิเศษเชียงราย (SEZ) เป็นการเติมเต็มประสิทธิภาพโครงข่ายการคมนาคมของไทยให้สมบูรณ์ และเป็นการพลิกโฉมจังหวัดเชียงรายให้เป็น Logistics City ของภูมิภาคในอนาคต