เช่ารถขับ พับแผนที่ เหยียบคันเร่งเร็วรี่ แล้วปรี่ไป "ฝรั่งเศส"

แผนของเราคือ ออกสตาร์ทไปที่เมืองฝั่งขวาสุดของฝรั่งเศสเพื่อชมสถาปัตยกรรมกว่า 700 ปีแล้วล่องใต้ไปชมของดีที่โพรวองซ์ เสร็จแล้วก็หยิบกล้องมาจบที่มหานครแห่งแฟชั่น ทั้งหมดที่กล่าวมาเราสามารถขับรถเที่ยวเองได้ไม่ยาก ภายในเวลา 9 วันเท่านั้นเองคราวนี้ เฟรมขอนำทริคการขับรถเที่ยวเองมาฝากก่อนที่จะพาไปเที่ยวแบบเต็มๆ(ต้องติดตามตอนต่อไปนะ... โปรยไว้แบบนี้ก่อนละกันนะคะ อิอิ)

สำหรับคนที่วางแผนแล้วว่าจะขับรถเที่ยวแน่ๆ สามารถจองแบบออนไลน์จากประเทศไทยได้ล่วงหน้า มีหลายบริษัทให้เลือกที่หลากหลาย วิธีนี้สะดวกสบาย เพราะไปถึงก็สามารถรับรถได้เลย และยังสามารถไปอัพเกรดรุ่นรถ หรืออ้อนวอนขอแถมประกันชั้น1ที่นู้นก็ยังได้เลยนะ แต่ถ้าเรายังไม่ได้จองล่วงหน้า พอไปถึงที่หน้าเคาน์เตอร์ก็จะให้จองผ่านเว็บไซต์อยู่ดี และต้องรอการทำเรื่องในระบบ และเช็ครถอีกอย่างน้อยครึ่งชั่วโมง จะทำให้เราเสียเวลาที่สนามบินนานเกินไป ทางที่ดีควรวางแผนไปเลยจ้า และอย่าลืมทำใบขับขี่นานาชาตินะจ๊ะ แต่ปัจจุบันใบขับขี่ของประเทศไทยที่มีภาษอังกฤษก็สามารถใช้ได้ (บางประเทศที่มีสนธิสัญญา)

เมื่อตัดสินใจได้แล้ว ก็เตรียมเอกสารไปรับรถกัน ใบขับขี่นานาชาติ ใบขับขี่ของไทยเขาก็ขอดูนะ พาสปอร์ต และที่สำคัญเขาขอบัตรเครดิตของคนขับด้วยนะคะเผื่อเกิดอุบัติเหตุ หรือเราทำผิดกฎหมายจะได้หักเงินถูกคนค่ะ เพียงแค่นี้ง่ายมากเราก็ได้รถมาครอบครองแล้วค่ะ

สิ่งที่ต้องพึงระลึกไว้เสมอว่า ถนน และ ที่นั่งคนขับที่ฝรั่งเศสอยู่คนละฝั่งกับบ้านของเรา รวมถึงสัญญาณจราจรก็ค่อนข้างแตกต่าง และกฎหมายการขับขี่ที่นี่แรงมากนะค่ะ เพราะฉะนั้นค่อยๆไปตามทางจะดีกว่า การกำหนดความเร็วส่วนมากจะอยู่ที่ประมาณ 90 110 กม./ชม. แต่ถ้าอยากจะเร็วกว่านี้ต้องขึ้นทางด่วนเท่านั้น เพราะท่านจะได้ความเร็วสูงสุดอยู่ที่ 130 กม./ชม. ส่วนทางชนบทก็จะต้องปวดหัวกับวงเวียนเอามากๆเลยหละค่ะ เพราะจะไม่มีไฟเขียวไฟแดง ใช้เป็นวงเวียนแทนแทบทุกแยก ทำให้ต้องเล็งทางออกให้ดี จะได้ไม่ต้องวนเป็นเวียนเทียนอยู่ 3 รอบ ก็ยังหาทางออกไม่ได้แต่ถ้าเปิด GPS จะบอกชัดเจนว่าออกทางที่เท่าไหร่ แถมยังนับให้เราด้วยนะคะ สุดยอดไปเลย

สิ่งที่ต้องมีติดมือในครั้งนี้ไม่ใช่แผนที่ธรรมดาแต่ต้องเป็น GPS เท่านั้นและ ที่เห็นสะดวกสุดก็ต้อง แอพพลิเคชั่นบนมือถือ มีกี่เครื่องก็โหลดให้หมดทุกเครื่องเลยค่ะจะได้ช่วยกันดูได้ แต่แอพฯ ที่คนฝรั่งเศสนิยมมากที่สุดก็คือแอพฯที่มีชื่อว่า Waze เพราะเจ้าโปรแกรมนี้ไม่ใช่แค่บอกทางแต่จะบอก ถึงสภาพทางข้างหน้าว่ามีการทำถนน เกิดอุบัติเหตุ หรือแม้กระทั่งมีตำรวจจับความเร็วอยู่ และจะคอยเตือนตลอดเวลาเมื่อเข้าเขตกำหนดความเร็ว และเจ้าแอพฯนี้แหละที่ทำให้เราถึงที่หมายและปลอดภัยหายห่วงแน่นอนค่ะ

ถนนที่ฝรั่งเศสค่อนข้างดี ผู้คนขับรถมีระเบียบไม่มีการขับแช่เลนส์ซ้ายสุด เพราะเค้าเอาไว้สำหรับให้รถที่รีบแซงไปก่อน เหมือนการขึ้นบันใดเลื่อนนั้นแหละ ถ้ารีบร้อนจริงๆก็คงต้องพึ่งทางด่วน แต่ค่าทางด่วนขอแอบกระซิบดังๆว่า "โหดมาก!" ราคาเริ่มต้นตั้งแต่ 2 ยูโร ไปจนถึง มากกว่า 30 ยูโร และยิ่งถ้าเป็นทางด่วนระหว่างเมืองไม่ต้องพูดถึงเตรียมหารเงินกันไว้เลยค่ะ

การจ่ายเงินทุกอย่างจะเป็นระบบอัตโนมัติ อย่างทางด่วนก็จะเป็นช่องๆแบบ้านเราแต่ต้องสังเกตดีๆห้ามเข้าผิดนะคะ เงินสดเข้าได้เฉพาะช่องที่มีลูกศรสีเขียว ส่วนช่องอื่นๆจะสามารถใช้บัตรเครดิต หรือระบบอัตโนมัตินั้นเองค่ะ บางด่านก็ต้องกดรับบัตรแล้วจ่ายเงินปลายทาง และในด่านจ่ายเงินจะไม่พนักงานมาคอยนั่งในตู้นะคะเพราะฉะนั้นทางที่ดีเราต้องเตรียมเงินสดไว้ ยิ่งเป็นเหรียญยิ่งดีค่ะ เพราะไม่ต้องหยอดใช้วิธีโยนลงกระบุงเก็บเงินไปเลย ส่วนคนที่พกแต่แบงค์ก็ไม่ต้องกังวลค่ะเพราะตู้มันฉลาดสามารถทอนเงินให้เราได้ด้วย

ส่วนลานจอดรถก็รับบัตรที่ทางเข้าเช่นเดียวกัน แต่ไม่มีที่จ่ายเงินบริเวณทางออกแบบทางด่วนนะคะ เราต้องเดินหาตู้จ่ายเงินก่อนที่เราจะออกไปส่วนมากก็จะอยู่บริเวณทางเดิน ขึ้น ลง นั้นแหละค่ะ แต่ถ้าเป็นการจอดรถที่บริเวณริมถนน ต้องจ่ายเงินก่อนนะคะอย่าลืม!จอดรถปุ๊ปต้องเดินหาตู้จ่ายเงินทันทีนะคะ เราต้องจ่ายเงินโดยที่ต้องคำนวณเวลาที่เราจะจอดนานขนาดไหนด้วย เพราะเสียเป็นรายชั่วโมงค่ะ และอย่าโกงเวลานะคะ เพราะจะมีผู้ตรวจการวนเวียนดูอยู่ตลอดเวลาเลยค่ะ พอจ่ายแล้วก็ต้องนำใบเสร็จมาวางไว้ที่กระจกรถให้มองเห็นได้ชัดไม่เช่นนั้นอาจจะถูกใบสั่งในต่างแดนได้นะคะ

ขับรถในทางด่วนข้ามเมืองทางไกลไม่ต้องกังวลว่าน้ำหมดจะหมด เพราะตลอดทางจุดบริการทั้งร้านอาหาร สถานีบริการน้ำมัน หรือแม้กระทั่งโรงแรมก็มี และส่วนมากจะเป็นการบริการแบบ Self-Service ทั้งในส่วนของร้านค้าและการเติมน้ำมัน

การเติมน้ำมันจำเป็นต้องใช้บัตรเติมน้ำมันไหม? จริงๆแล้วไม่จำเป็นค่ะ เพราะที่สถานีบริการน้ำมันเราสามารถเดินไปบอกที่เคาท์เตอร์ได้ว่าเราจะเติมน้ำมันอะไร และจะเติมจำนวนเงินเท่าไรพร้อมชำระเงินทันที เขาก็จะเปิดหัวจ่ายน้ำมันให้เราก็หยิบสายกดใส่รถของเราได้เลย แต่บางที่ก็สามมารถเติมก่อนได้เลยแล้วเดินไปชำระเงินโดยที่แค่บอกว่าเราเติมน้ำมันอยู่ที่ตู้ไหน และอีกหนึ่งข้อสังเกตถ้าเจอสถานีบริการน้ำมันที่มีสัญลักษณ์ 24/24 น้ำมันจะถูกกว่าที่อื่นเพราะต้องใช้บัตรเติมนั้นเอง และบัตรเครดิตที่มีชิพส่วนใหญ่ของบ้านเราก็ไม่สามารถเติมได้นะเสียดาย อดได้ของถูกเลยเนอะ

สิ่งที่ทำให้การขับรถท่องเที่ยวแตกต่างจากวิธีอื่น ก็คือเราสามารถออกนอกเส้นทางได้ เราสามรถจอดเมื่อไหร่ก็ได้ เราสามารถเปลี่ยนแผนได้ตลอดเวลา และเราอาจจะได้มุมมองใหม่ๆที่การเดินทางชนิดอื่นอาจจะไม่ได้เห็น แต่สำหรับคนที่จะเลือกท่องเที่ยวแบบนี้ต้องประเมินตัวเองแล้วว่าขับได้ถึงแม้จะไม่ค่อยชิน และคนขับจะต้องยอมเหนื่อยกว่าผู้ร่วมเดินทางเพราะต้องเสียสละเวลาที่คนอื่นนอนบนรถแต่ตัวเองยังต้องเป็นพลขับ แต่ถ้าผู้ร่วมทางหลับกันหมด คนขับอาจจะของีบด้วยก็ได้นะคะ (แบบนี้ไม่ค่อยดีเท่าไร) ทางที่ดีควรช่วยกันดูทางและซึมซับวัฒนธรรม วิถีชีวิต 2 ข้างทางแล้วคุณจะได้รู้ถึงความแตกต่างของการเกิดทางท่องเที่ยวแบบ ROAD TRIP

ไปเที่ยวกับเราติดตามเพิ่มเติมได้ที่

Facebook fanpage : oneday with famframe
IG : famframe