ปกติชาวเกาหลีเหนือถูกควบคุมจนแทบกระดิกตัวไม่ได้อยู่แล้ว การเดินทางไปต่างประเทศถูกปิดกั้น การสนทนาถูกจับตาและมักมีบทลงโทษที่รุนแรงสำคัญคนที่ครอบครองสื่อจากภายนอก และมีรายงานด้วยว่า มีการลงโทษเจ้าหน้าที่ระดับสูงเพื่อเป็นตัวอย่างให้ประชาชนยึดมั่นศรัทธาในระบอบที่ปกครองโดยพรรคกรรมกรเท่านั้น
ส่วนที่สหรัฐฯ ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ แถลงก่อนเริ่มการประชุมคณะรัฐมนตรีประจำสัปดาห์ว่า จะนำเกาหลีเหนือกลับคืนสู่บัญชีดำ "รัฐสนับสนุนการก่อการร้าย" ขณะที่กระทรวงการคลังเตรียมประกาศมาตรการคว่ำบาตรเพิ่มอีกในวันนี้ ซึ่งทรัมป์บอกว่า การนำเกาหลีเหนือกลับคืนสู่บัญชีดำ "ควรเกิดขึ้นนานแล้ว" อันเนื่องมาจากการเสียชีวิตของนายออตโต วอร์มเบียร์ นักศึกษาชาวอเมริกันที่ถูกคุมขังที่เกาหลีเหนือนานกว่า 1 ปี และการที่รัฐบาลเกาหลีเหนืออยู่เบื้องหลังการลอบสังหารนายคิม จอง-นัม พี่ชายต่างมารดาของนายคิม จอง-อึน ที่มาเลเซีย
เกาหลีเหนือหลุดออกจากบัญชีดำ รัฐสนับสนุนการก่อการร้ายเมื่อปี 2551 สมัยอดีตประธานาธิบดีจอร์จ ดับเบิลยู บุช หลังอยู่ในบัญชีนาน 20 ปี // นายเร็กซ์ ทิลเลอร์สัน รัฐมนตรีต่างประเทศ ระบุว่า รัฐบาลยังไม่ล้มเลิกความพยายามในการใช้นโยบายทางการทูตเพื่อนำเกาหลีเหนือกลับคืนสู่โต๊ะเจรจา 6 ฝ่าย ที่ชะงักไปตั้งแต่ปี 2552 และเชื่อว่า "มาตรการแบบจำเพาะ" ที่บังคับใช้ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา ส่งผลกระทบ "อย่างมีนัยสำคัญ" ต่อเศรษฐกิจของเกาหลีเหนือ และจะเป็นการเพิ่มแรงกดดันไปยัง "บุคคลที่สาม" ในการยุติมอบความสนับสนุนแก่เกาหลีเหนือ
โดยทางทฤษฎี ตามการประเมินของสหรัฐฯ เกาหลีเหนือยังไม่อยู่ในระดับการเป็นรัฐสนับสนุนการก่อการร้าย ร่วมกับอิหร่าน ซีเรีย และซูดาน เพราะสหรัฐฯยังไม่เคยแสดงหลักฐานที่ชัดเจนว่า เกาหลีเหนือมีพฤติกรรมสนับสนุนกลุ่มก่อการร้ายอย่างสม่ำเสมออีกทั้งสหรัฐฯ ต้องการใช้ความเปลี่ยนแปลงครั้งนี้ นำไปสู่การเพิ่มมาตรการคว่ำบาตรการค้าขายน้ำมันระหว่างประชาคมโลกกับเกาหลีเหนือด้วย แต่ยังติดที่ท่าทีของจีน